บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์แอนด์ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR ผู้นำธุรกิจรถเช่าและรถใช้แล้วครบวงจรด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 30 ปี เผย 4 กลยุทธ์บริหารจัดการที่ส่งผลให้องค์กรสร้างผลกำไร ความเหนือกว่าตลาด ได้แก่ 1. การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ 2. การจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ 3. การบริการที่สะดวกสบาย รวดเร็วและมุ่งเน้นลูกค้า และ 4. ราคาที่ยืดหยุ่น ล่าสุด KCAR โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้รวม 1,153 ล้านบาท (คิดเป็นกำไร 165.9 ล้านบาท) รายได้เพิ่มขึ้น 32.6% เมื่อเทียบกับปี ปี 2565 มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในตลาดรถเช่าที่มีการแข่งขันสูง โดย KCAR ยังคงครองอันดับหนึ่งในตลาดทั้งในด้านผลการดำเนินงานและความมั่นคง ด้วยการจัดอันดับ TRIS สูงสุดในอุตสาหกรรมที่ระดับ A- และเงินปันผลของผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 5% ทุกปี
ปัจจุบัน KCAR ให้บริการรถเช่าเพื่อการดำเนินงาน (Operating Lease) ซึ่งเป็นการเช่าระยะยาวตั้งแต่ 1-5 ปี สำหรับลูกค้าองค์กร รวมถึงบริการรถเช่าระยะสั้นตั้งแต่รายวันถึงรายเดือนให้กับลูกค้าองค์กรและลูกค้าบุคคล ให้บริการครบวงจรด้วยรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน และมีรถให้เลือกหลายรุ่นหลายขนาดตามรูปแบบการใช้งาน รวมถึงธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสองคุณภาพดีภายใต้มาตรฐานแบรนด์ “โตโยต้า ชัวร์”
นายพิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์แอนด์ลีส จำกัด กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจให้เช่ารถระยะยาวหรือเช่าดำเนินงานในปัจจุบันถือเป็นความท้าทายอย่างมาก ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ตลาดรถเช่าเองยังคงมีการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรง ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา เราดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวังหรือเน้นความระมัดระวังและคำนวณทุกด้านภายใต้ 4 กลยุทธ์หลักที่ทำให้เราก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในตลาด ผลการดำเนินงานและการบริหารจัดการที่มั่นคง ได้แก่
- การบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เช่น การปรับราคารถยนต์คงเหลือเมื่อหมดสัญญา การรักษาหนี้เสีย (NPL) ให้เหลือน้อยที่สุด และการบริหารกระแสเงินสดอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งบริหารความเสี่ยงด้านยานพาหนะ เช่น การเลือกรถยนต์หลากหลายยี่ห้อที่มีสภาพคล่องสูง หรือแม้แต่การเลือกสียอดนิยม เป็นต้น
- การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การรักษาค่าเสื่อมราคาให้ต่ำ นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจไปสู่การขายรถยนต์ใช้แล้วเพื่อสร้างรายได้จากรถยนต์ที่เช่าเสร็จ เพื่อการบริหารจัดการที่คุ้มค่า
- บริการที่สะดวกสบาย รวดเร็ว ใส่ใจลูกค้า KCAR ให้บริการแบบครบวงจร ฝ่ายบริการลูกค้าของเราพร้อมที่จะดูแลลูกค้าทุกวัน เรามองว่าธุรกิจรถเช่าเป็นบริการ โครงสร้างและแผนผังองค์กรของเราจึงแตกต่างจากที่อื่น เจ้าหน้าที่บริการลูกค้าของเราได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้บริการที่รวดเร็วและเหนือชั้น ภายใต้เป้าหมายการรักษาฐานลูกค้าเก่าและเพิ่มลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง
- การกำหนดราคาที่ยืดหยุ่นประกอบด้วย: 1. เสนอราคาระดับพรีเมียมแต่ยังคงคุ้มต้นทุนสำหรับลูกค้าที่ต้องการบริการที่ครอบคลุมและพรีเมียมที่สุด; 2. การกำหนดราคาที่แข่งขันได้สำหรับการประมูลตัวแทน และ 3. เสนอราคาพิเศษในช่วงทดลองเช่า เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เปิดใจ เป็นต้น
KCAR มีฐานลูกค้าองค์กรชั้นนำมากกว่า 1,200 องค์กร แบ่งเป็นบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ประมาณ 85% และประมาณ 15% เป็นหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ บริษัทมีศูนย์บริการมากที่สุดในตลาดกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ นายพิชิต จันทรเสรีกุล อธิบายว่า “รายได้ส่วนใหญ่ของเรายังมาจากธุรกิจให้เช่ารถ 59% รองลงมาคือรายได้จากการขายรถมือสอง 39% และส่วนอื่นอีก 2% ปีนี้เราตั้งงบลงทุน . ทุ่มงบกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อซื้อรถยนต์ใหม่ 1,000 คัน เพราะในแต่ละปีจะมีรถยนต์ที่จะหมดสัญญาประมาณ 1,200 – 1,500 คัน ปัจจุบันมีรถยนต์ในพอร์ตโฟลิโอให้เช่ามากกว่า 9,000 คัน
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมรถเช่าปี 2566 KCAR เผยขณะนี้เห็นแนวโน้มลูกค้าองค์กรขยายสัญญาเช่าจากเดิม 3 ปีเป็น 5 ปี ทำให้ภาพรวมตลาดปีนี้หดตัวเล็กน้อยที่ 2-3 ปี % แต่มีลูกค้ากลุ่มใหม่ที่สนใจสัญญาเช่าดำเนินงานซึ่งมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่กำลังเริ่มมองเห็นข้อดีของการเช่าที่ให้การดูแลแบบครบวงจร มากกว่าที่จะซื้อ ซึ่งมาพร้อมกับการบำรุงรักษาและการดูแลทรัพย์สินในระยะยาว โดย 90% ของตลาดรถเช่าถูกครอบงำโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ และไม่มีผู้เล่นใหม่มาหลายปีแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดมีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์
“เป้าหมายระยะยาวของ KCAR ไม่เคยคือการเป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในฝูงบิน แต่เรามุ่งเน้นการเติบโตอย่างมั่นคงขององค์กร เราจึงยกระดับบริการและความเชี่ยวชาญของทีมงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า เรายืนหยัดเป็นผู้เล่นที่เน้นการบริหารจัดการ Optimum นั่นคือคำนึงถึงคะแนนที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งด้านการบริหารความเสี่ยง การเติบโต ผลกำไร และการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในระบบนิเวศของเรา” นายพิชิต จันทรเสรีกุล กล่าวย้ำ
ในอนาคตบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังบนพื้นฐานความมั่นคง มุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพและสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ภายในองค์กรและยกระดับบริการที่ตอบรับเทรนด์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link