ซิดนีย์ (รอยเตอร์) – รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมประกาศงบประมาณของรัฐบาลกลาง ระบุว่า เมื่อวันอาทิตย์ อัตราเงินเฟ้ออาจชะลอลงสู่ระดับเป้าหมาย 2%-3% ของธนาคารกลางภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งผ่อนคลายเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนธันวาคม
รัฐบาลพรรคแรงงานยังได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจลงด้วย
ในแนวโน้มเศรษฐกิจและการคลังในเดือนธันวาคม รัฐบาลคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคจะชะลอตัวลงเป็น 3.75% ภายในกลางปี 2567 และ 2.75% ภายในกลางปี 2568 ซึ่งจะกลับมาอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา รัฐบาลระบุในแถลงการณ์ว่า การคาดการณ์อย่างเป็นทางการในขณะนี้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจแตะระดับเป้าหมายภายในสิ้นปี 2567
ในทางตรงกันข้าม นักเศรษฐศาสตร์ของ RBA คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่ 3.6% ในไตรมาสแรก จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ภายในเดือนมิถุนายนและจะคงอยู่จนถึงสิ้นปี
เหรัญญิก จิม ชาลเมอร์ส กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า งบประมาณที่เขาจะนำเสนอในวันอังคารจะให้ความสำคัญกับความพยายามในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่สูงอย่างดื้อรั้น ซึ่งทำให้ชาวออสเตรเลียจำนวนมากตกอยู่ภายใต้แรงกดดันด้านค่าครองชีพที่ยั่งยืน
“อัตราเงินเฟ้อกำลังปานกลางในลักษณะที่น่ายินดี แต่ภารกิจยังไม่บรรลุผล เนื่องจากประชาชนยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน” ชาลเมอร์สกล่าวในแถลงการณ์ “งบประมาณจะสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อลดลง ไม่ใช่แรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น”
ในด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ รัฐบาลกล่าวว่าคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงจะเติบโต 2.0% ในปีงบประมาณ 2024/25 ต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ 2.25% ในแนวโน้มเดือนธันวาคม และ 2.25% ในปี 2568/26 ลดลงจากการคาดการณ์ 2.5% ก่อนหน้า
รัฐบาลระบุว่า เศรษฐกิจชะลอตัวเนื่องจากผลกระทบของความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อัตราเงินเฟ้อที่สูงปานกลางแต่ปานกลาง และอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
ลบโฆษณา
–
RBA ต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องโดยขึ้นอัตราดอกเบี้ย 425 จุดพื้นฐานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 12 ปีที่ 4.35%
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้