ทองคำมีความผันผวนเพิ่มขึ้นในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา โดยลดลง 4.4% จากจุดสูงสุดในวันศุกร์สู่จุดต่ำสุดในวันจันทร์ จากนั้นจึงเพิ่มขึ้น 2.5% จากจุดต่ำสุด การฟื้นตัวของราคาทองคำส่วนใหญ่ในวันพฤหัสบดีนั้นสอดคล้องกับการพุ่งขึ้นอย่างมากของหุ้น ซึ่งเป็นผลจากการปรับตัวดีขึ้นของราคา
ในทางเทคนิคแล้ว ทองคำสามารถหาผู้ซื้อได้รวดเร็วหลังจากแตะเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ที่น่าสังเกตคือในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ราคาไม่ได้ดีดตัวขึ้นจนกระทั่งวันถัดไป และในเดือนมิถุนายน ราคาก็ลดลงเป็นเวลานาน แม้ว่าฝ่ายขาขึ้นจะสามารถหยุดการเคลื่อนตัวลงได้ ดังนั้น ความสำคัญของเส้นโค้งนี้ในระยะสั้นจึงเพิ่มมากขึ้น
ในทางกลับกัน ราคาสูงสุดในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนั้นต่ำกว่าระดับสูงสุดในเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้ ในทุกกรณีที่ราคาสูงสุด ทองคำก็ร่วงลงในอีกสามวันถัดมา ซึ่งโดยอ้อมแล้วบ่งชี้ถึงแรงขายที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม แรงขายดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมขาขึ้นในทางเทคนิค
การทำกำไรบางส่วนหรือการยอมแพ้ในตลาดกระทิง? พลวัตของสัปดาห์หน้าจะตอบคำถามนี้ โดยอาจมีจุดสูงสุดในการเผยแพร่สถิติเงินเฟ้อและยอดขายปลีก
ทิศทางขาออกจากแนวรับระยะยาวที่ระดับ 2,360-2,460 ดอลลาร์จะช่วยกำหนดทิศทางของตลาดต่อทองคำในระยะใกล้ และการเคลื่อนไหวภายในกรอบดังกล่าวแม้จะยังรุนแรง แต่ก็ดูเหมือนเป็นสัญญาณรบกวนของตลาด
เมื่อพิจารณาจากกรอบเวลารายสัปดาห์ มีโอกาสสูงกว่าที่ราคาจะออกจากกรอบลง เนื่องจากราคาสูงสุดครั้งล่าสุดอยู่ที่ระดับ RSI ที่ต่ำกว่า นี่เป็นสัญญาณว่าโมเมนตัมการเติบโตกำลังจะหมดลง
แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะส่งผลดีต่อทองคำในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ การเร่งดำเนินการ QE ในเดือนกันยายนปี 2012 ได้กระตุ้นให้ตลาดหมีเกิดขึ้นในอีกสามปีข้างหน้า
ต่อมาในช่วงปลายปี 2558 ราคาทองคำแตะระดับต่ำสุดในรอบวัฏจักรในวันที่เฟดเริ่มใช้นโยบายผ่อนปรนเป็นครั้งแรก ดังนั้น เราไม่ควรแปลกใจหากการเริ่มใช้นโยบายผ่อนปรนของเฟดจะส่งผลลบต่อทองคำ เพราะนั่นจะเป็นสัญญาณว่าตลาดอ่อนแอ ไม่ใช่ชัยชนะเหนือเงินเฟ้ออย่างไม่เสียเลือดเนื้อ
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้