ดัชนีดาวโจนส์หลุดเข้าสู่แดนลบ หลังปรับตัวแคบในช่วงแรก
เมื่อเวลา 21:23 น. ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,763.58 จุด ลดลง 74.13 จุด หรือ 0.21%
Wall Street ได้รับแรงกดดันจากการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ
การฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการกำหนดราคาพันธบัตรทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินใช้จ่ายน้อยลง และบริษัทจะต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนในด้านบริการลดลงเหลือ 51.8 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนการบริโภคภายในประเทศได้
นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% กับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเมื่อวันศุกร์
เครื่องมือ FedWatch ล่าสุดของ CME Group ระบุว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 93.0% แก่ Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 กันยายน และให้น้ำหนักเพียง 7.0% แก่ Fed ที่เพิ่มอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ย 0.25% ถึง 5.50-5.75%
นักลงทุนเห็นว่าการว่างงานพุ่งสูงขึ้นในรายงาน รวมถึงค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยต่ำกว่าที่คาดสำหรับคนงาน สิ่งนี้บ่งบอกถึงการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ จะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เฟดหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบปัจจุบัน แม้ว่าจำนวนการจ้างงานจะสูงกว่าคาดก็ตาม
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงกว่าความคาดหวังของนักวิเคราะห์ในเรื่องการจ้างงาน 170,000 ตำแหน่ง
อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565 และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.5%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนกรกฎาคมด้วย โดยปรับเพิ่มขึ้นเป็น 157,000 ตำแหน่ง จากรายงานก่อนหน้านี้ที่เพิ่มขึ้น 187,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงของคนงานเพิ่มขึ้น 4.3 เปอร์เซ็นต์ในเดือนสิงหาคมเมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 4.4%
เมื่อเทียบกับรายเดือน ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงสำหรับคนงานเพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 0.3%
ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงเป็นข้อมูลที่ Fed ให้ความสนใจเพื่อเป็นตัวบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ
สำหรับตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกา อัตราส่วนกำลังแรงงานต่อประชากรทั้งหมดอยู่ที่ร้อยละ 62.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link