spot_imgspot_img
spot_img
หน้าแรกTHAI STOCKSTARK ยื่นงบปี 2565 ขาดทุนกว่า 6 พันล้าน พร้อมเปลี่ยนงบปี 2564

STARK ยื่นงบปี 2565 ขาดทุนกว่า 6 พันล้าน พร้อมเปลี่ยนงบปี 2564


ในที่สุด บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ก็ยื่นงบการเงินปี 2565 ตามกำหนด ขาดทุนหนักกว่า 6.6 พันล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.5393 บาท และเปลี่ยนงบปี 2564 เป็นขาดทุน 5,965 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.501 บาท จากที่เคยแจ้งว่ามีกำไร 2.8 พันล้านบาท หลังผู้สอบบัญชีพบความผิดปกติหลายประการ

ในขณะที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินโดยไม่ได้แสดงความเห็น จากการพิจารณาสถานการณ์ที่ส่งผลต่อความไม่แน่นอนของความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่อง (Going Concern) ของกลุ่มบริษัทฯ

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 หนี้สินหมุนเวียนรวมของกลุ่มบริษัทสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียนรวม 6,628 ล้านบาท และมีส่วนติดลบ 4,404 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหนี้การค้า เงินกู้ยืมระยะสั้น เงินกู้ยืมระยะยาวและหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี ซึ่งบางส่วนเป็นหนี้สินระยะสั้นที่เกิดจากการจัดประเภทเงินกู้ยืมระยะยาวเป็นเงินกู้ยืมระยะสั้น เนื่องจากอัตราส่วนทางการเงินบางส่วนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในสัญญาเงินกู้ระยะยาวและหนังสือชี้ชวนหุ้นกู้

นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม 23 พฤษภาคม ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ STARK239A และ STARK249A ซึ่งมียอดเงินต้นคงค้างรวม 944 ล้านบาท มีมติอนุมัติให้เรียกชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดภายใต้พันธบัตร ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้เงินทุนหมุนเวียนและแหล่งเงินกู้เพิ่มเติมจากสถาบันการเงิน กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าหนี้สถาบันการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว หนี้สินของกลุ่มทำให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของกลุ่มในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

บริษัทยังได้รายงานสรุปผลการตรวจสอบพิเศษในเฟสแรกว่า บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด ได้ตรวจสอบรายการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับบัญชีลูกหนี้รับ การยืนยัน A/R ที่แตกต่างกัน การจ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับสินค้าที่มีจำนวนสูงผิดปกติ ใบแจ้งหนี้ขนาดใหญ่พิเศษและมีค่าเมื่อสิ้นงวด สินค้าคงคลังสูญหายและรายงานการวิเคราะห์อายุที่ไม่ถูกต้อง

(ก) ยอดขายผิดปกติ ผู้ตรวจสอบพิเศษพบรายการขายผิดปกติ 202 รายการ คิดเป็นมูลค่าการขาย 8,063 ล้านบาท และ 3,593 ล้านบาท ในปี 2555 และ 2554 ตามลำดับ ซึ่งตรวจพบจากการตรวจสอบยอดที่ถูกต้องกับลูกค้า การตรวจสอบการชำระเงิน พฤติกรรมการชำระเงินที่ผิดปกติ การปลอมแปลงชื่อของผู้ชำระเงินและการชำระเงินจากบัญชีของอดีตพนักงานของบริษัทในนามของลูกค้า

(ข) สินค้าคงเหลือผิดปกติ พบว่า ณ สิ้นงวดมีสินค้าคงคลังประกอบด้วยสินค้าระหว่างผลิต (WIP) วัตถุดิบ (RM) และสินค้าสำเร็จรูป (FG) ที่มียอดคงเหลือติดลบในระบบสารสนเทศ (ERP) ของบริษัท 3,140 รายการ

(ค) การจัดทำรายงานอายุหนี้ไม่ถูกต้อง เมื่อทำรายงานวิเคราะห์อายุลูกหนี้จากข้อมูลในระบบ SAP เทียบกับรายงานวิเคราะห์อายุลูกหนี้ที่ผู้บริหาร (เดิม) ส่งให้ผู้สอบบัญชี พบว่า วันคงค้างคำนวณต่างกัน ส่งผลให้อายุของลูกหนี้ทุกงวด (aging range) ในรายงานเดิมต่ำกว่าหรือระยะเวลาคงค้างน้อยกว่าที่เป็นจริง และเมื่อทบทวนย้อนหลังก็พบว่าความผิดปกติดังกล่าวเกิดขึ้นทุกไตรมาสในรอบ 65 ปีที่ผ่านมา

(ง) เงินจ่ายล่วงหน้าไม่สม่ำเสมอ เงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 พบว่าบริษัทได้ชำระเงินล่วงหน้าด้วยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทย ผู้ขายวัสดุต่างประเทศ (key RM vendor/supplier) เป็นเงินบาทจำนวน 7,976 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ผิดปกติมาก เนื่องจาก 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทไม่เคยชำระค่าสินค้าล่วงหน้า มากเช่นนี้มาก่อน


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »