นายโรเบิร์ต ดอบบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เปิดเผยผลประกอบการและผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 และปี 2565 ว่า ในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทบันทึกสถิติ ขาดทุนสุทธิ 6 ล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ขาดทุนสุทธิ 137 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่ขาดทุนในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 มีปัจจัยหลักมาจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้สูญเสียสต็อกน้ำมัน นอกจากนี้ ส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันเบนซินกับน้ำมันดิบก็ลดลง สิ่งนี้ได้รับแรงกดดันจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากจีนแผ่นดินใหญ่และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้ค่าการกลั่นตลาดลดลงเล็กน้อยจาก 6 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 3/2565 เป็น 5.39 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 4/2565
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงรักษาระดับการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับการกลั่นน้ำมันดิบในไตรมาสนี้อยู่ที่ 163,000 บาร์เรลต่อวัน หรือ 93% ของกำลังการกลั่น ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อน
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้สุทธิ 222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 เป็น 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ค่าการกลั่นตลาดสำหรับปี 2565 ซึ่งไม่รวมกำไรและขาดทุนจากสต็อกอยู่ที่ 9.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่ 3.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมันสำเร็จรูป เป็นผลจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการการเดินทาง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2566 มีมติเสนอจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 จำนวน 132.8 ล้านเหรียญสหรัฐ จะมีการเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เพื่อขออนุมัติในวันที่ 5 เมษายน 2566 หลังจากหักเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 112.8 ล้านดอลลาร์จากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 เหรียญสหรัฐหรือหุ้นละ 0.96 บาท ซึ่งจ่ายไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 จึงเหลือเงินปันผลที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 19.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือแปลงเป็นเงินบาทคิดเป็น 0.15 บาทต่อหุ้น โดยแปลงจากเหรียญสหรัฐเป็นเงินบาท โดยจะใช้อัตราขายถัวเฉลี่ยของธนาคารแห่งประเทศไทยย้อนหลัง 7 วันทำการ ก่อนวันที่หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการบริษัท
บริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 10 มีนาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566 หลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ปี 2566 แล้ว
Robert Dobrick กล่าวว่าบริษัทยังคงรักษาการดำเนินงานที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความผันผวนของตลาด เรายังคงแสวงหาโอกาสในการบริหารกระแสเงินสด ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด บริษัทเพิ่งได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เข้าซื้อกิจการการตลาดเชื้อเพลิงซึ่งเป็นการขยายห่วงโซ่คุณค่าเชิงกลยุทธ์ที่จะทำให้บริษัทสามารถให้บริการลูกค้าในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้นผ่านการตลาดและการจัดจำหน่าย เชื้อเพลิงคุณภาพสูงของบริษัท อีกทั้งยังขับเคลื่อนธุรกิจของเราให้เติบโตและก้าวต่อไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link