บริษัท เพียร์ ฟอร์ ยู จำกัด (มหาชน) (PEER) เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเงินมัดจำ (แบบฟอร์มจำใช่) จำนวน 5 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นปัจจุบันหรือผู้ที่คาดว่าจะขาย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพื่อศึกษาแนวทางการทำธุรกรรมซื้อหุ้นในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของหน่วยลงทุนนั้น (SASA) จากผู้ถือหุ้นปัจจุบันในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของหุ้นสามัญทั้งหมด ในราคารวมไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาศึกษาการลงทุนภายใน 9 เดือน นับจากวันที่ลงนามในบันทึกความเข้าใจเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566
ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พิจารณาอนุมัติให้บริษัท อีวี คลิก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์นั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดจัดทำแผนธุรกิจเพื่อยื่นขออนุมัติต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเริ่มดำเนินธุรกิจ และจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นเป็นขั้นตอนต่อไป
ส่วนความคืบหน้าในการขอคืนเงินมัดจำกับบริษัท อีสเทิร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) นั้น บริษัทได้ศึกษาและลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนามและได้วางเงินมัดจำไว้ 100 ล้านบาท ภายหลังขอยกเลิก เพราะหลังจากที่บริษัทได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันโดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับวันเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) อัตราค่าไฟฟ้า และโครงสร้างทางการเงินของโครงการยังไม่เสร็จสิ้น
บริษัทจึงขอให้ผู้ขายคืนเงินมัดจำพร้อมทั้งค่าชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสถานะภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในบันทึกความเข้าใจ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 EP คืนเงินมัดจำให้กับบริษัท 20 ล้านบาท และยื่นข้อเสนอขอผ่อนชำระเงินฝากส่วนที่เหลือ ฝ่ายบริหารเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติข้อเสนอดังกล่าว และสามารถตกลงเงื่อนไขที่เป็นที่พอใจทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 โดยบริษัทตกลงขยายเวลาชำระคืนเงินมัดจำส่วนที่เหลืออีกจำนวน 80 ล้านบาท แบ่งเป็น 6 งวด
งวดแรกวันที่ 29 มีนาคม 2567 ชำระแล้ว 12,500,000 บาท งวดที่ 2-6 มีกำหนดชำระงวดละ 12,500,000 บาท ในวันที่ 30 เมษายน 2567, 31 พฤษภาคม 2567, 28 มิถุนายน 2567, 31 กรกฎาคม 2567 และ 30 สิงหาคม 2567
EP ตกลงชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของยอดเงินฝากคงค้างพร้อมค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบบัญชีจำนวน 550,000 บาท นอกจากนี้ EP ยังจ่ายค่าปรับการคืนเงินมัดจำบางส่วนให้กับบริษัทล่าช้าจำนวน 1.ล้านบาท ณ วันที่ 31 มกราคม 2567
สำหรับเงินประกันเพื่อศึกษาการตลาดของแพลตฟอร์มนั้นมาจากบริษัท อินโนฮับ จำกัด (InnoHub) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ได้ทำสัญญาศึกษาการลงทุนร่วมกับบริษัท อีนิกเซอร์ จำกัด (Enixer) เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2566 โดยกำหนดระยะเวลาให้ Enter ศึกษาและลงทุนไม่เกิน 6 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและทำการตลาดแพลตฟอร์มและได้วาง รับประกันเงิน 10 ล้านบาทให้กับ Enixer สัญญาจะศึกษาและลงทุน สิ้นสุดในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 โดย Enixer ขอสละสิทธิ์การคืนเงินค้ำประกันให้กับบริษัทพร้อมทั้งชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีให้กับบริษัท โดยแบ่งเป็น 4 งวด รวมงวดแรกในวันที่ 20 มีนาคม 2567 ปี 2567 จ่าย 2,000,000. บาท ชำระแล้ว งวดที่ 2 ชำระ 2,000,000 บาท วันที่ 20 เมษายน 2567 งวดที่ 3 ชำระ 3,000,000 บาท วันที่ 20 พฤษภาคม 2567 และงวดที่ 4 ชำระ 3,000,000 บาท วันที่ 20 มิถุนายน 2567
นอกจากนี้ ยังมีการบันทึกขาดทุนด้านเครดิตจากการขายหุ้นสามัญของบริษัท ฟิจิทอล สเปซ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งผู้ซื้อยังไม่ได้ชำระเงินจำนวน 120 ล้านบาท จากบริษัท อินโนฮับ จำกัด (INH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่ม การลงทุนทั้งหมดในบริษัท ไฟ ดิจิทัล สเปซ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PSD) ได้ขายให้กับบุคคลที่สามสองรายแล้ว เป็นผลให้กลุ่มสูญเสียการควบคุม PSD ตั้งแต่นั้นมา INH และผู้ซื้อได้ทำสัญญาซื้อหุ้นสามัญของ PSD โดยมีกำหนดชำระค่าหุ้น 4 งวด รวมเป็นเงิน 150 ล้านบาท แต่ได้รับเพียงงวดแรก 30 ล้านบาทเท่านั้น หลังจากนั้นขอเลื่อนเวลาออกไป แต่เขาก็ยังผิดนัดหนี้อยู่ ฝ่ายบริหารจึงพิจารณาบันทึกค่าเผื่อผลขาดทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 120 ล้านบาทเป็นหุ้นคงเหลือ อย่างไรก็ตามฝ่ายบริหารกำลังพิจารณาหาข้อตกลงร่วมกันกับผู้ซื้อทั้งสองราย เพื่อลดผลกระทบต่อกลุ่มธุรกิจให้มากที่สุด
และในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ผู้ซื้อทั้งสองรายได้เขียนจดหมายถึง INH เพื่อขอยกเลิกสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของ PSD โดยการโอนหุ้นที่เหลือคืนให้กับ INH ตามสัดส่วนจำนวนเงินคงเหลือที่ผู้ซื้อเป็นหนี้ค่าหุ้น อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับที่ปรึกษากฎหมายเพื่อหาแนวทางต่อไป
ในส่วนของการขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 100 ล้านบาท ให้กับบริษัท ว้าว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) (WOW) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 บริษัทและ WOW ได้ลงนามในสัญญากู้ยืมเงินฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้กำหนดไว้ที่ร้อยละ 15 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2567 ถึงวันที่ชำระหนี้ครบถ้วน
- โดยกำหนดให้หลักประกันเงินกู้ต้องเป็นหุ้นสามัญของบริษัทย่อยทางอ้อมของ WOW พร้อมทั้งแจ้งให้บริษัททราบการจำนำหุ้นดังกล่าวเพิ่มเติมจากเดิม
- โดยมีกำหนดคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยในส่วนที่ WOW ยังไม่ได้ชำระให้กับบริษัทภายใน 7 วัน หลังจากที่ WOW เพิ่มทุนโดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มเติมให้แก่บุคคลในจำนวนจำกัด ตามมติคณะกรรมการของ WOW ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งจะนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ของ WOW ในวันที่ 30 เมษายน 2567 หรือไม่เกินวันที่ 25 มิถุนายน 2567 (แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้น) ก่อน) หรือวันทำการอื่นใดตามที่ทั้งสองฝ่ายตกลงร่วมกัน
นอกจากนี้บริษัทยังบันทึกกำไรจากการขายหุ้นสามัญของบมจ. ฮินซิซึ (ประเทศไทย) (HST) จำนวน 2.7 ล้านบาท จากบริษัทขายเงินลงทุนในหุ้นสามัญของ HST ให้กับบริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SIMAT) จำนวน 6,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 3.00 ของหุ้นทั้งหมดใน HST โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 52.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาเดียวกับราคาที่บริษัทเคยซื้อหุ้น HST จาก SIMAT เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2564 อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 บริษัทได้ ตั้งค่าเผื่อ การด้อยค่าของเงินลงทุนใน HST ดังนั้นการขายหุ้นสามัญของ HST จำนวน 3% ที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ในราคาทุน บริษัทจึงต้องกลับรายการค่าเผื่อการด้อยค่าที่ตั้งไว้จำนวน 2.7 ล้านบาท
ในปี 2566 มูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน HST จะพิจารณาโดยใช้วิธีประมาณกระแสเงินสด และพิจารณาอัตราคิดลด พบว่ามูลค่ายุติธรรมปัจจุบันต่ำกว่าราคาซื้อ จึงบันทึกขาดทุนจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมจำนวน 56 ล้านบาท
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link