หน้าแรกTHAI STOCKLH ใกล้เปิด 4 โครงการใหม่ รอบสุดท้ายกว่า 4.5

LH ใกล้เปิด 4 โครงการใหม่ รอบสุดท้ายกว่า 4.5



LH เตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ ราคาสุดท้ายกว่า 45,000 ล้านบาท พร้อมเปิดทางเลือกใหม่ขายบ้านตัวอย่างพร้อมอยู่

นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทจะเปิดโครงการแนวราบใหม่ทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 3 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม “วันและเวลา ณ เจ้าพระยา” มูลค่า 15,000 ล้านบาท โดยจะเปิดขายปลายเดือนตุลาคมนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านในช่วงสุดท้ายของปี และคาดว่ายอดขายในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จะเติบโตสูงสุด เนื่องจากมีการเปิดโครงการใหม่มากที่สุด และสอดคล้องกับเป้าหมายยอดขายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 35,000 ล้านบาท และการเปิดโครงการแนวราบจำนวนมากในช่วงสุดท้ายของปีจะช่วยรองรับยอดโอนในปี 2566 ให้บรรลุเป้าหมายที่ 33 พันล้านบาท เช่นกัน

ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้เปิดบ้านตัวอย่างสร้างใหม่พร้อมขาย เพื่อเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านที่สามารถเข้าอยู่ได้ทันที นับเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้ออกแบบและสร้างบ้านใหม่บนที่ดินที่สวยงามและมีนักออกแบบตกแต่งภายในมืออาชีพดูแลทุกขั้นตอนในการออกแบบและตกแต่งบ้าน เช่น การออกแบบระบบไฟภายในบ้าน (Lighting Design) ออกแบบและผลิตเฟอร์นิเจอร์ งานบิวท์อินออกแบบเฉพาะด้านหลังอย่างลงตัว การเลือกผ้าม่าน ของตกแต่งบ้าน รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์ในครัวเรือนเพื่อใช้ในชีวิตจริง พร้อมติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ พร้อมทั้งตกแต่งสวนด้วยดีไซน์ที่สวยงาม

นายวิทย์ กล่าวว่า บริษัทเห็นว่าบ้านตัวอย่างสร้างใหม่พร้อมขายแล้ว ช่วยให้ผู้พักอาศัยสามารถถือกระเป๋าและเข้าอยู่ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาหามัณฑนากรตกแต่งภายใน ไม่ต้องเสี่ยงกับผู้รับเหมา ไม่ต้องเตรียมเงินก้อนมาตกแต่ง และไม่ต้องกังวลกับงบประมาณที่เพิ่มขึ้นและการชำระเงินที่ไม่สิ้นสุด ส่งผลให้ลูกค้าสามารถวางแผนการย้ายเข้าได้อย่างชัดเจน กู้ให้ครบในงบประมาณเดียว โดยจะนำไปใช้กับ 8 โครงการแนวราบใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ราคาเริ่มต้น 5.19 ล้านบาท

สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2566 บริษัทจะขายทรัพย์สินของโรงแรม 2 แห่งให้กับทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์แอลเอชโฮเทล (LHHOTEL) ได้แก่ แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ พัทยา และ แกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ สเปซ พัทยา ซึ่งจะทำให้บริษัทได้รับ Recognition ของรายได้และกำไร ส่วนธุรกิจโรงแรมถือว่าอัตราการเข้าพักสูงกว่า 80% และอัตราค่าห้องพักก็เพิ่มขึ้นใกล้เคียงหรือในบางทำเลที่สูงกว่าช่วงก่อนโควิด-19 นอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวของภาครัฐก็กระตุ้นเช่นกัน ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ในปลายปีนี้ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ สุรวงศ์ จะเปิดตัวซึ่งเป็นโรงแรมใหม่ด้วย

ส่วนธุรกิจศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 ถือว่ามีผู้เช่ากลับมามากขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย และการท่องเที่ยวกลับมาแล้ว และใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้น ทำให้ศูนย์การค้าคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว ส่งผลให้อัตราการครอบครองเพิ่มขึ้นเกือบ 90% ทำให้รายได้ค่าเช่าจากธุรกิจศูนย์การค้าฟื้นตัวดีขึ้น และสนับสนุนภาพรวมของบริษัท


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »