spot_imgspot_img
spot_img
หน้าแรกTHAI STOCKKTIS ท็อปฟอร์มครึ่งแรก/66 กำไรพุ่ง 211% มาร์จิ้นโตทั้งธุรกิจน้ำตาลและชีวภาพ

KTIS ท็อปฟอร์มครึ่งแรก/66 กำไรพุ่ง 211% มาร์จิ้นโตทั้งธุรกิจน้ำตาลและชีวภาพ



KTIS ท็อปฟอร์มครึ่งแรก/66 กำไรพุ่ง 211% มาร์จิ้นโตทั้งธุรกิจน้ำตาลและชีวภาพ

นายสมชัย สุวจิตตานนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิงวด 6 เดือนปี 2566 (ตุลาคม 2565 – 23 มีนาคม) จำนวน 1,027 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 211% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในสายธุรกิจน้ำตาลที่มาจากปริมาณอ้อยที่มีคุณภาพดีขึ้นมากทำให้ผลผลิตน้ำตาลต่อต้นอ้อยสูงขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำตาลในประเทศและต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำตาลในตลาดโลกประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับที่สมดุล ทำให้รายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

“สาเหตุที่การเติบโตของกำไรสูงกว่าการเติบโตของรายได้ เนื่องจากเราสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิให้สูงขึ้นได้ เมื่อเทียบระหว่างหกเดือนแรกของปี 2565 และ 2566 อัตรากำไรขั้นต้นของสายธุรกิจน้ำตาลเพิ่มขึ้นจาก 10.2% เป็น 18.3% และสายธุรกิจชีวภาพเพิ่มขึ้นจาก 14.8% เป็น 25.2%” นายสมชัยกล่าว

โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายธุรกิจน้ำตาลอยู่ที่ 88.6% เพิ่มขึ้นจาก 72.7% ในปี 2555 และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 10.2% เป็น 18.3% อยู่ที่ 6.9 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ถึง 8 ล้านกระสอบ เทียบกับฤดูกาลผลิตปีที่แล้วที่ 6.2 ล้านตันอ้อย ผลิตได้เพียง 6.4 ล้านกระสอบ และราคาขายต่อหน่วยในต่างประเทศอยู่ที่ 16,525 บาทต่อหน่วย หน่วยเพิ่มขึ้นจากปี 2565 (ต.ค. 64 – มี.ค. 65) อยู่ที่ 15,101 บาทต่อหน่วย

“ราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจน้ำตาลเป็น Future Market กำหนดราคาล่วงหน้าปีหน้า ราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คาดว่าอยู่ที่ 23-27 เซนต์ต่อปอนด์ ส่งผลดีต่อรายได้ในปีหน้า เมื่อหีบอ้อยแล้วน่าจะขายได้มากกว่า 20 เซนต์ต่อปอนด์” สมชายกล่าว

ในขณะที่ธุรกิจชีวภาพมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่า. เมื่อเทียบระหว่าง 6 เดือนแรกของปี 2565 และ 2566 เพิ่มขึ้นจาก 14.8% เป็น 25.2% จากราคาขายเยื่อกระดาษที่สูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งราคาขายเอทานอลและไฟฟ้าก็สูงกว่าปีที่แล้ว

ประกอบกับปีนี้เป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่ โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ ระยะที่ 1 ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับ GGC KTIS Bio Industrial Co., Ltd. (GKBI) สามารถหีบอ้อยได้มากกว่า 1,300,000 ตัน และผลิตเอทานอลได้เกือบ 100 ตัน . ล้านลิตรโดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 2 พันล้านบาท


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »