หน้าแรกTHAI STOCKKTB เผยกำไรสุทธิ Q4/66 ลดลง 24.6% ตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ

KTB เผยกำไรสุทธิ Q4/66 ลดลง 24.6% ตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ


ผลการดำเนินงานธนาคารกรุงไทยเติบโตตามกลยุทธ์ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 36,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น สินเชื่อขยายตัวอย่างระมัดระวัง รักษาสำรองไว้สูงเพื่อรองรับ

ความท้าทายทางเศรษฐกิจ ยืนหยัดในการดูแลและช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ลดภาระทางการเงินและแก้ไขปัญหาหนี้อย่างต่อเนื่อง ตามแนวทาง ธปท. ในการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน

นายพยงค์ ศรีวานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 จะค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่เศรษฐกิจรูปตัว K ยังไม่พัฒนาเต็มที่ โดยภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น ถือเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งส่งผลดีต่อการจ้างงานและการบริโภคในครัวเรือน อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงเข้าสู่ภาวะชะลอตัว ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะที่การลงทุนภาครัฐได้รับผลกระทบจากการเบิกจ่ายที่ต่ำกว่าปกติ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการเตรียมงบประมาณประจำปี

นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายสู่ภาวะปกติซึ่งเห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงขึ้น ความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ ภาคครัวเรือนยังมีภาระหนี้ที่สูงทั้งภายในและภายนอกระบบ ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางและผู้มีรายได้น้อย การฟื้นตัวเป็นไปอย่างช้าๆ ธนาคารจึงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด โดยรักษา Coverage Ratio ให้อยู่ในระดับสูงเพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ฟื้นตัวภายใต้กำลังการผลิตที่ลดลง และให้ความสำคัญกับการดูแลและช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มในการปรับตัว และแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน

ในปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารจำนวน 36,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 เป็นผลจากการดำเนินงานตามกลยุทธ์ ที่มุ่งเน้นการนำนวัตกรรมทางการเงินมาสร้างมูลค่าให้กับลูกค้า โดยรายได้จากการดำเนินงานรวมขยายตัวร้อยละ 19.2 จากการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มที่ระมัดระวังซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคาร เพื่อรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน สินเชื่อในกลุ่มนี้ขยายตัวเล็กน้อยร้อยละ 1.5 แม้ว่าสินเชื่อรวมลดลงร้อยละ 0.6 จากสินเชื่อภาครัฐก็ตาม และการขยายตัวของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด

ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านไอทีเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น ขยายระบบธนาคารดิจิทัล เพื่อรับการเติบโตของอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต อย่างไรก็ตาม การจัดการต้นทุนโดยรวมที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ร้อยละ 41.6 ลดลงจากร้อยละ 43.7 ในปีที่แล้ว โดยตั้งสำรองเพิ่มเติม เพื่อรักษาอัตราส่วน Coverage ให้อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 181.2 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ รวมถึงพิจารณาความเสี่ยงในทุกมิติอย่างรอบคอบ หากรวมปริมาณสำรองระหว่างปี (การปรับปรุงครั้งเดียว) อัตราส่วนความคุ้มครองของธนาคารจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 190 เทียบกับร้อยละ 179.7 ในปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 4 ธนาคารได้ตั้งสำรองไว้ในระดับที่เหมาะสมกับลูกค้ารายใหญ่และกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องซึ่งคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มลดลงและจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป พร้อมบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังต่อไป ทำให้ NPLs Ratio ลดลงเหลือร้อยละ 3.08

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ธนาคาร (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 17.64 และเงินกองทุนรวมร้อยละ 20.85 ของสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ ธปท. และมีสภาพคล่องเพียงพอโดยยังคงรักษาอัตราส่วน Liquidity Coverage (LCR) ไว้อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด

ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2566 เทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร 6,111 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24.6 ธนาคารมุ่งเน้นการดำเนินงานเพื่อสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนและให้การสนับสนุน ช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ธนาคารจึงตั้งสำรองเพิ่มเติมเพื่อรักษาอัตราส่วน Coverage ที่สูงร้อยละ 181.2 ตามหลักความระมัดระวัง รวมถึงการจัดหาระดับที่เหมาะสมให้กับลูกค้ารายใหญ่รายเดียวและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รายได้จากการดำเนินงานรวมขยายตัวร้อยละ 14.3 ทั้งจากการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มอย่างระมัดระวังซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคาร เพื่อรักษาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน การจัดการต้นทุนโดยรวมที่มีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ร้อยละ 44.8 ลดลงร้อยละ 0.5 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2566 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารอยู่ที่ 6,111 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 40.6 โดยมีปริมาณสำรองเพิ่มขึ้นตามความระมัดระวังและรักษาอัตราส่วนความสามารถในการรองรับให้อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 181.2 เพื่อรองรับ อย่างไรก็ตาม รายได้จากการดำเนินงานรวมขยายตัวเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 พร้อมด้วยการบริหารต้นทุนโดยรวมที่มีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ร้อยละ 44.8 ซึ่งสูงกว่าไตรมาสก่อนเล็กน้อย

ในปี 2566 ธนาคารมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ โดยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG) เป็นผู้นำกรอบเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการดำเนินงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร ก้าวสู่การเป็นธนาคารที่ยั่งยืน ส่งผลให้ธนาคารได้รับการจัดอันดับ SET ESG Ratings for Sustainable Stocks ประจำปี 2566 ในระดับ “AAA” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย . นอกจากนี้ธนาคารยังร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่างต่อเนื่อง นอกจากความร่วมมือระหว่าง Infinitas by Krungthai และ Accenture แล้ว บริษัท Arise by Infinitas ยังก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนา Digital Talents เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจแห่งอนาคต ธนาคารร่วมกับไอบีเอ็มจัดตั้งบริษัทร่วมทุน IBM Digital Talent for Business (IBMDT) เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร การอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้สามารถรองรับการทำธุรกรรมใหม่ๆ ในอนาคต จากการพัฒนาบริการทางการเงินที่ทันสมัย บนช่องทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงและครบวงจร ทั้งในด้านพื้นที่และระดับรายได้ ส่งผลให้แพลตฟอร์มของธนาคารมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แอปพลิเคชั่นเป้าตังมีผู้ใช้งาน 40 ล้านคน กรุงไทย NEXT 17.8 ล้านคน และแอปพลิเคชั่นถังเงิน 2 ล้านคน

สำหรับปี 2567 ธนาคารกรุงไทยตั้งเป้าขับเคลื่อนองค์กรภายใต้แนวคิด “นวัตกรรมสร้างมูลค่า ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าสู่ความยั่งยืน” เช่น การใช้ AI ในการทำงาน เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันของธนาคารและโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต รวมทั้งให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศ ช่วยเหลือลูกค้าในการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการทั่วไปและมาตรการเฉพาะ โดยเฉพาะการดูแลและช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเลี้ยงตัวเองและยอมรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ พร้อมให้ความสำคัญกับการให้กู้ยืมอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม ส่งเสริมการเข้าถึงการเงินในระบบและไม่สนับสนุนให้ก่อหนี้เกินควร ตามแนวทางการแก้ปัญหาหนี้ที่ยั่งยืนหรือการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย ครอบคลุมการปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยเหลือกลุ่มที่เป็นหนี้เรื้อรังและเสี่ยงต่อการชำระหนี้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการให้ความรู้ส่งเสริมวินัยทางการเงิน ทั้งการออม การลงทุน และการป้องกันอันตรายทางการเงิน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งและความมั่นคงทางการเงินต่อไป


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »