บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในเครือบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต) เสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวนประมาณ 3,729,999,999 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 29.98 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย สามัญในครั้งนี้ (รวมถึง จำนวนหุ้นที่ผู้จัดสรรเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจากบริษัทในกรณีจัดสรรเกิน) และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กับกสิกรไทย หลักทรัพย์บล.บัว. หลวงไทยพาณิชย์ และ บล.ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ชำระคืนเงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
บิ๊กซีเป็นบริษัทเรือธงสำหรับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และธุรกิจค้าส่งค้าปลีกดั้งเดิมของกลุ่มบีเจซี และทีซีซี กรุ๊ป ทั้งในและต่างประเทศ พอร์ตโฟลิโอเป็นร้านค้าหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ตภายใต้แบรนด์บิ๊กซี ร้านค้าปลีก และผู้เช่าพื้นที่ในร้านค้าต่าง ๆ นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจสนับสนุนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังสนับสนุนธุรกิจค้าส่งให้กับลูกค้าของเราผ่านธุรกิจสนับสนุน B2B และการค้าแบบดั้งเดิม
การดำเนินธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งของบริษัทยังครอบคลุมถึงการสั่งผลิต นำเข้า และส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนการพัฒนาและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการค้าปลีกและ/หรือการค้าส่งของกลุ่มบริษัทด้วย
บริษัทนำเสนอรูปแบบการสนับสนุนการค้าปลีก การค้าส่ง และการค้าปลีกแบบดั้งเดิมที่ครอบคลุม และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าและผู้เช่ากลุ่มต่างๆ ทั้งทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Omnichannel และออฟไลน์ผ่านสถานที่ค้าปลีกของบริษัทและเครือข่ายธุรกิจรวมถึงร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม
บริษัทดำเนินธุรกิจในหลากหลายประเภท โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (2) ธุรกิจค้าส่งและสนับสนุนการค้าปลีกแบบดั้งเดิม และ (3) ธุรกิจอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และมีธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในกัมพูชาบางส่วน
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการร้านค้าขนาดใหญ่ 200 แห่งในประเทศไทย และร้านค้าขนาดใหญ่ 1 แห่งในกัมพูชา และบริษัทมีร้านค้าขนาดเล็กทั้งหมด 1,509 ร้านค้า (ซึ่งมี 55 ร้านค้าในประเทศไทย) ดำเนินการโดยบุคคลภายนอก (Third-party Franchise) และ 60 สาขาในลาว ซึ่งบุคคลภายนอกเป็นเจ้าของและมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าในการดำเนินงาน ขณะที่บริษัทฯ ดำเนินการสาขาที่เหลืออีก 1,394 สาขา)
รูปแบบร้านค้าขนาดเล็กของบริษัท ประกอบด้วย บิ๊กซี มินิ 1,430 สาขาในประเทศไทย และ 17 สาขาในกัมพูชา และร้านกีวี มาร์ท 2 แห่งในกัมพูชา อยู่ระหว่างการรีแบรนด์เป็นร้านค้าภายใต้แบรนด์บิ๊กซี และบริษัทยังได้ให้สิทธิ์ในการใช้เครื่องหมายการค้า “B?s Mart” แก่บุคคลที่สามเพื่อดำเนินกิจการร้านสะดวกซื้อในเวียดนาม โดยที่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีร้าน B?s Mart จำนวน 78 แห่ง บริษัทได้รับโอนเครื่องหมายการค้า “B?s Mart” จาก BJC ในปี 2566
บริษัทดำเนินการตลาดกลางแจ้งซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีผู้เช่าพื้นที่ค้าปลีกเพื่อจำหน่ายอาหารสด อาหารปรุงสุก และสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร ปัจจุบันบริษัทเปิดตลาดกลางแจ้ง 2 แห่ง คือ 1) ตลาดกลางคืน (ภายใต้ชื่อตลาดคนเดิน) และ 2) ตลาดสดกลางวัน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการตลาดกลางแจ้ง 7 แห่งในประเทศไทย
นอกจากนี้ ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ของบริษัทยังรวมถึงร้านบิ๊กซี ฟูดเซอร์วิส ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี และแพลตฟอร์มออมนิแชนแนล บริษัทมีสาขาบิ๊กซี ฟูดเซอร์วิส 3 แห่งในประเทศไทย ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี 11 แห่งในประเทศไทย นอกจากนี้ยังให้บริการผ่าน Omnichannel Platform พร้อมช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์บิ๊กซีออนไลน์และแอปพลิเคชันบิ๊กซีพลัส (Big C PLUS)
บริษัทยังดำเนินธุรกิจให้เช่าพื้นที่ (Town Center Business) ในร้านค้าประเภทต่างๆ (Retail Venue) ของห้างบิ๊กซีของบริษัท (ซึ่งประกอบด้วยร้านค้าขนาดใหญ่รูปแบบบิ๊กซี บริการอาหาร และห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี) โดยบริษัทได้เช่าพื้นที่ค้าปลีกภายในสถานที่ค้าปลีกดังกล่าวกับกลุ่มผู้ประกอบการภายนอกและแบรนด์ร้านค้าของบริษัท บริษัท
ธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ (1) ร้านยาเพียว เป็นเครือข่ายร้านยาที่ตั้งอยู่ภายในร้านค้าปลีกของบิ๊กซีที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามและให้บริการด้านเภสัชกรรมแก่ลูกค้ารายย่อย มีร้านขายยาบริสุทธิ์ 146 แห่งในประเทศไทย
(2) ร้านยาสิริฟาร์มาซีซึ่งเป็นร้านขายยานอกพื้นที่ร้าน (Retail Venue) มี 1 สาขาในประเทศไทย
(3) ร้านกาแฟวาวีในประเทศไทย 60 แห่ง (ประกอบด้วยร้านที่บริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง 52 ร้าน และร้านแฟรนไชส์ 8 ร้าน)
(4) บริษัท เอเชียบุ๊คส์ จำกัด นำเข้าและจัดจำหน่ายหนังสือและนิตยสารผ่านเครือข่ายร้านหนังสือภายใต้แบรนด์ Asia Books และ Bookazine ในประเทศไทย และจัดจำหน่ายให้กับลูกค้าองค์กรในต่างประเทศ เช่น ลาว กัมพูชา โดยมีร้านหนังสือ 54 แห่ง ในประเทศไทย.
นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการสนับสนุนบริการในด้านต่างๆ โดยให้บริการ รับชำระเงินผ่านเคาน์เตอร์ Big Service แก่ลูกค้าในห้างบิ๊กซี และให้บริการด้านทรัพยากรบุคคลเพื่อส่งผู้บริหารไปให้บริการบริหารจัดการแก่กลุ่ม TCC ในการดำเนินธุรกิจร้าน MM Mega Market ของ MMVN ในประเทศเวียดนาม บริษัทยังให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดเก็บซัพพลายเออร์ ซื้อบิ๊กซี ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมและรวบรวมจากแพลตฟอร์ม Omnichannel บริษัทยังเช่าพื้นที่โฆษณาภายในสถานที่ค้าปลีก
โครงสร้างผู้ถือหุ้นปัจจุบันคือ BJC ถือหุ้น 100%
ผลการดำเนินงานในปี 2563-65 บริษัทมีรายได้จากการขาย 100,534.2 ล้านบาท 91,678.0 ล้านบาท และ 96,984.7 ล้านบาท ตามลำดับ และรายได้จากการให้เช่าและบริการ 8,924.7 ล้านบาท 7,802.7 ล้านบาท และ 9,099.4 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ในปี 2563 ขาดทุนสุทธิประมาณ 709.5 ล้านบาท ก่อนจะเปลี่ยนเป็นกำไรในปี 2554 ที่ 7,332.8 ล้านบาท และปี 2565 ที่ 6,756.8 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 336,832.5 ล้านบาท หนี้สินรวม 155,659.6 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 181,172.9 ล้านบาท
การจ่ายเงินปันผลของบริษัท ใช้เกณฑ์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิของผลประกอบการรวมของกลุ่มบริษัท ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน และหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองอื่นๆ ทุกประเภท ตามที่กฎหมายและข้อบังคับบริษัทกำหนด
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link