![Bank of Korea ยืนตบที่สองติดต่อกันตามคาด](https://i-invdn-com.investing.com/trkd-images/LYNXMPEJ3A00V_L.jpg)
![Bank of Korea ยืนตบที่สองติดต่อกันตามคาด](https://i-invdn-com.investing.com/trkd-images/LYNXMPEJ3A00V_L.jpg)
© สำนักข่าวรอยเตอร์ รูปถ่าย: โลโก้ของธนาคารแห่งประเทศเกาหลีมีให้เห็นในกรุงโซล เกาหลีใต้ 30 พฤศจิกายน 2017 REUTERS / Kim Hong-Ji
โซล (รอยเตอร์) – ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบที่สองติดต่อกันในวันอังคารตามที่คาดไว้ โดยเผชิญกับความเสี่ยงที่ขัดแย้งจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความไม่แน่นอนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น
ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีกล่าวว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินเจ็ดสมาชิกลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานไว้ที่ 3.50% เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 23 ก.พ.
ตลาดท้องถิ่นแสดงปฏิกิริยาเงียบ ๆ ขณะที่นักลงทุนรอการแถลงข่าวของผู้ว่าการอีชางยองตั้งแต่เวลา 0210 GMT
การตัดสินใจดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ 39 คนจาก 40 คนที่สำรวจโดยรอยเตอร์ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามรายหนึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้น 25 จุดพื้นฐาน
นับเป็นครั้งแรกที่ธนาคารแห่งประเทศเกาหลีคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมติดต่อกัน นับตั้งแต่เริ่มใช้มาตรการรัดเข็มขัดในเดือนสิงหาคม 2564
อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคประจำปีของเกาหลีใต้ผ่อนคลายลงตั้งแต่ทำสูงสุดในรอบ 24 ปีที่ 6.3% ในเดือนกรกฎาคม 2565 สู่ระดับ 4.2% ในเดือนมีนาคมปีนี้ แม้ว่าจะยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 2% สองเท่า
ผู้ว่าการอีกล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการเมื่อเดือนก.พ. ว่าธนาคารของเขาไม่จำเป็นต้องกลับมาขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับปานกลาง แต่ปฏิเสธที่จะประกาศว่าวงจรการรัดเข็มขัดสิ้นสุดลงแล้ว
เศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าอย่างมากของเกาหลีใต้กำลังสูญเสียโมเมนตัม ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อุปสงค์ที่ยังคงซบเซาจากจีน และทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่บ้านเย็นลงหลังจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้