นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียลเอสเตท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ CH Premium Growth (WHART Trust) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน WHART Trust เป็นทรัสต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีมูลค่าทรัพย์สินกว่า 51,000 ล้านบาท และมีโครงการภายใต้การบริหาร 39 โครงการ หรือพื้นที่ประมาณ 1.74 ล้านตารางเมตร
ในปี พ.ศ. 2566 WHART Trust ได้ขยายอาณาจักรจนกลายเป็นทรัสต์อุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังจากเพิ่มทุนไม่เกิน 195.90 ล้านหน่วย เพื่อลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมมูลค่าไม่เกิน 3,566.49 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้กองทรัสต์ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงถึง 55,000 ล้านบาท ถือเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมสูงสุด ประเทศ พื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.89 ล้านตารางเมตร พื้นที่เช่าหลังคา 487,243.29 ตารางเมตร เป็นอาคารคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าและอาคารโรงงาน พัฒนาตามความต้องการของลูกค้า (Built-to-Suit) และสำเร็จรูป (General Warehouse)
สำหรับทรัพย์สินที่กองทรัสต์ WHART จะลงทุนในครั้งนี้มี 3 โครงการ ได้แก่
1. โครงการ WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม. 21 เป็นคลังสินค้า Built-to-Suit และคลังสินค้าทั่วไป โดยมีพื้นที่เช่า 90,862 ตร.ม.
2. WHA Mega Logistics Center แหลมฉบัง โครงการ 1 เป็นคลังสินค้ารูปแบบคลังสินค้าทั่วไป พื้นที่ให้เช่า 24,310 ตร.ม.
3. WHA Mega Logistics Center บางนา-ตราด กม. โครงการ 23 โครงการ 3 เป็นโกดังและโรงงานทั่วไป พื้นที่เช่า 27,724 ตร.ม.
“ทั้ง 3 โครงการที่ลงทุน ถือเป็นโครงการที่มีคุณภาพ ตั้งอยู่ในทำเลโลจิสติกส์ที่สำคัญ เช่น บางนา-ตราด และ EEC นอกจากนี้ยังมีผู้เช่าจากกลุ่มธุรกิจที่มั่นคง เช่น ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Third Party Logistics) และผู้ผลิต (ผู้ผลิต) ) ซึ่งมีผู้เช่าที่ดีในกลุ่มอุตสาหกรรม ส่งผลให้ WHART Trust มีการรับรู้รายได้จากการลงทุนที่มั่นคงและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์
ทั้งนี้ กองทรัสต์ WHART ได้ขยายขนาดจากการลงทุนเพิ่มเติมทุกปี ส่งผลให้กองทรัสต์ มีความมั่นคงด้านรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงกระจายความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นในด้านที่ตั้งของทรัพย์สินที่ลงทุน สัญชาติของผู้เช่า รวมถึงความหลากหลายของภาคธุรกิจของผู้เช่า (ภาคธุรกิจ) ปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของ WHART Trust อยู่ที่ ในระดับดีอย่างต่อเนื่อง”
ล่าสุด WHART Trust รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2566 มีรายได้รวม 840.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.90 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากการลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในปี 2565 และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 644.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาท หรือ 2.42% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายสาวิตย์ ศรีศรัญญาพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วย WHART เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันถือเป็นโอกาสและโอกาสในการลงทุนใน REIT เนื่องจากปัจจุบันคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ ( Fed) จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกในการลงทุนใน REITs
นางสาวจิตติสา เจริญพานิช ผู้บริหารฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART เปิดเผยว่า ภายหลังการลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมในครั้งนี้ WHART Trust ได้ประมาณผลตอบแทนต่อหน่วยให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเท่ากับ 0.79 บาทต่อหน่วย สำหรับวงจร ประมาณการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 – 31 ธ.ค. 2567 หรือคำนวณเป็นอัตราการจ่ายผลประโยชน์ประมาณ 8.23% (ขึ้นอยู่กับราคาเสนอขายสุดท้าย)
สำหรับการเพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ในครั้งนี้ ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมมีสิทธิจองซื้อได้ในวันที่ 1, 4 และระหว่างวันที่ 6 ถึง 8 ธ.ค. 2566 ในราคาสูงสุดที่ 9.60 บาทต่อหน่วย อย่างไรก็ตาม หากราคา หากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาสูงสุด จะคืนส่วนต่างราคาให้กับสมาชิก
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) เผยในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน (Sponsor) และผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ว่า WHART เป็น REIT ที่เน้นลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าและโรงงาน ปัจจุบัน ทรัพย์สินทั้งหมดที่กองทรัสต์ WHART ลงทุนจะได้รับการพัฒนาและจัดการโดยกลุ่มดับบลิวเอชเอ ที่ผ่านมา WHART Trust มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารมากกว่า 1.74 ล้านตารางเมตร สอดคล้องกับนโยบายของกลุ่มดับบลิวเอชเอที่ยังคงเป็นผู้สนับสนุนหลัก เพื่อนำทรัพย์สินคุณภาพระดับพรีเมียมมาสู่กองทรัสต์ WHART ทุกปีอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มดับบลิวเอชเอ ถือเป็นผู้นำในการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานประเภท Built-to-Suit ซึ่งเป็นอาคารที่ออกแบบและพัฒนาตามความต้องการของลูกค้า และคลังสินค้าทั่วไปที่มีมาตรฐานระดับพรีเมี่ยม รวมถึงการให้บริการโซลูชั่นแบบครบวงจร ทั้งระบบสาธารณูปโภค แพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และระบบดิจิทัล ทุกโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่โลจิสติกส์ที่มีศักยภาพ มีความต้องการเช่าสูง และเป็นเขตอุตสาหกรรมที่เป็นจุดยุทธศาสตร์โลจิสติกส์หลักของประเทศ ได้แก่ บริเวณถนนบางนา-ตราด พื้นที่ดังกล่าวสอดคล้องกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นทำเลที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั่วทั้งเมืองของกรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าเรือแหลมฉบัง และถนนสายหลัก การคมนาคมและกระจายสินค้ามีประสิทธิภาพ ที่ตั้งกรุงเทพตอนเหนือ (วังน้อย – สระบุรี) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญในการกระจายสินค้าไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงที่ตั้งในจังหวัดสมุทรสาครซึ่งเป็นพื้นที่หลักในการกระจายสินค้าในเขตกรุงเทพตะวันตก
ทั้งนี้ในฐานะผู้นำด้านนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศ เห็นว่าอุตสาหกรรมโลจิสติกส์โดยรวมมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการย้ายฐานการลงทุนและฐานการผลิตมายังประเทศไทย ส่งผลให้ความต้องการที่ดินอุตสาหกรรมของนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนจากทั่วโลก โดยกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์จะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมกลุ่มแรกที่เพิ่มมูลค่าการลงทุนให้กับประเทศ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีศักยภาพและความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ครบวงจรชั้นนำของโลกแล้ว
ปัจจุบัน กลุ่มดับบลิวเอชเอมีนิคมอุตสาหกรรม 12 แห่งที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย และยังคงขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ พร้อมแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เน้นอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น รถยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมิร์ซ และอุตสาหกรรมในกลุ่ม New S-curve ตอกย้ำจุดยืนของเราในฐานะศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ครบวงจร ด้วยโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่ได้มาตรฐานระดับโลก
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link