แรงกดดันต่อโรงงานของจีนเพิ่มขึ้นเมื่ออุปสงค์ของสหรัฐฯ ลดลง

ปักกิ่ง — สำหรับโรงงานบางแห่งในจีน ยังไม่เต็มสูบหลังจากสิ้นสุดศูนย์โควิด

โรงงานทั้งหมดที่บริษัท Basic Fun ผู้ผลิตของเล่นของสหรัฐฯ ทำงานด้วยในจีน ซึ่งมีประมาณ 20 แห่ง บอกให้คนงานอย่ากลับทันทีหลังวันหยุดตรุษจีน เจย์ โฟร์แมน ซีอีโอกล่าว

นั่นเป็นเพราะสินค้าคงคลังท่วมท้นในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว ซึ่งขายไม่ได้เนื่องจากราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง เขากล่าว ผลิตภัณฑ์ของ Basic Fun ได้แก่ Care Bears และ Tonka Trucks

วันหยุดตรุษจีนอย่างเป็นทางการในจีนสิ้นสุดวันที่ 27 ม.ค. แต่ช่วงเดินทางยาวไปจนถึงวันที่ 15 ก.พ. โดยปกติแล้วเทศกาลนี้เป็นเพียงช่วงเวลาเดียวในแต่ละปีที่แรงงานข้ามชาติซึ่งมีมากกว่า 170 ล้านคนในจีน สามารถไปเยี่ยมบ้านเกิดของตนได้

“โรงงานทุกแห่งที่ฉันพูดคุยด้วยบอกว่าพวกเขาจะจ้างงานในปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้ว” โฟร์แมนกล่าว เขาคาดว่าความต้องการของผู้บริโภคสหรัฐจะเพิ่มขึ้นในปลายปีนี้

การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ ในหมวดของเล่น เกม และกีฬาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 6% ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ตามข้อมูลศุลกากรของจีนที่เข้าถึงได้ผ่าน Wind Information การส่งออกของเล่นประเภทดังกล่าวไปยังสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อยในปี 2565

Johan Annell หุ้นส่วนของ Asia Perspective บริษัทที่ปรึกษาที่ทำงานในภาคเหนือกล่าวว่า “การค้าปลีก อะไรก็ตามที่ผู้บริโภคใช้ดุลยพินิจ พวกเขาได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก มันเป็นการรวมกันของสินค้าคงคลังที่สูงและอุปสงค์ที่ลดลงค่อนข้างมากสำหรับตลาดส่งออก” บริษัทยุโรปที่ดำเนินงานในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เขากล่าวว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคก็ประสบกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน

“สำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ ภาพรวมดีขึ้นมาก บางคนกำลังดิ้นรนเพื่อให้ทันกับคำสั่งซื้อที่ล่าช้าและตามให้ทันทุกสิ่งที่พวกเขาต้องส่งมอบในปีที่แล้ว” เขากล่าว

จีนยุตินโยบายปลอดโควิดอย่างกระทันหันในเดือนธันวาคม แต่ข้อจำกัดเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจยังคงเข้มงวดเกือบตลอดปี 2565 รวมถึงการปิดเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นเวลาประมาณ 2 เดือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนสำหรับประเทศเดียว ชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ แทบไม่เติบโตในปี 2565 และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงอีกในปี 2566

นอกเหนือไปจากภาษีศุลกากรและความตึงเครียดระดับทวิภาคี ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

“เราคาดหวังว่าเราจะเติบโตต่อไป แต่แรงกดดันนั้นยิ่งใหญ่มาก” Ryan Zhao ผู้อำนวยการของ Jiangsu Green Willow Textile กล่าวเป็นภาษาจีนกลาง แปลโดย CNBC

“สิ่งที่ฉันได้ยินเกี่ยวกับตลาด ปี 2023 จะเป็นเรื่องยากมาก อุปสงค์ของสหรัฐฯ กำลังลดลง สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่ยุติ”

คำสั่งซื้อของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาบางส่วนหายไป

Zhao กล่าวว่าบริษัทของเขากำลังทำงานร่วมกับแบรนด์เครื่องนอนและสิ่งทอระดับไฮเอนด์ในนิวยอร์ก ซึ่งยื่นฟ้องล้มละลายเมื่อปีที่แล้ว เพื่อความอยู่รอดในตลาดที่ “หดตัว” เขากล่าวว่าบริษัทกำลังเปลี่ยนไปใช้สินค้าที่ราคาต่ำกว่าซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคอายุน้อย

นั่นหมายความว่าเพื่อเพิ่มรายได้ Zhao ต้องขายสินค้าให้มากขึ้นกว่าเดิม และเขาวางแผนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าว่าจะจ้างคนงานในท้องถิ่นเพิ่มอีก 10 คนสำหรับโรงงานของเขาที่มีพนักงาน 30 คนในจีน

เมื่อ CNBC ถามเมื่อเดือนมกราคม ฝ่ายบริหารศุลกากรของจีนรับทราบถึงแรงกดดันต่อการส่งออกของจีนจากอุปสงค์ภายนอกที่ชะลอตัว และสังเกตเห็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

ข้อมูลการค้าแสดงให้เห็นว่าความต้องการสินค้าจีนกำลังเพิ่มขึ้นในตลาดอื่นๆ เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นับตั้งแต่คลื่นโควิดในจีนสิ้นสุดลง นายจ้างได้เพิ่มส่วนแบ่งของตำแหน่งงานนอกเวลา และผู้ผลิตก็จ่ายเงินให้คนงานมากขึ้นทุกสัปดาห์ แทนที่จะจ่ายเดือนละครั้ง ตามข้อมูลของ Qingtuanshe ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการหางานภายในแอพมือถือ Alipay

แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงค่าจ้างอย่างชัดเจนตั้งแต่เปิดทำการอีกครั้ง แต่ Qingtuanshe สังเกตว่าช่วงค่าจ้างสำหรับงานในโรงงานลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่มีการระบาดใหญ่

สำหรับเศรษฐกิจภายในประเทศของจีน การลดลงของอุปสงค์ในต่างประเทศเผยให้เห็นปัญหาการจ้างงานที่ลุกลามมากขึ้น นั่นคือการขาดแคลนแรงงานในโรงงานที่มีทักษะสูง

“โดยทั่วไปการหาคนงานและหาคนงานที่เหมาะสมนั้นยากขึ้น” แอนเนลล์กล่าว

“คุณมีอัตราการว่างงานของเยาวชนจำนวนมากและมีแรงงานจำนวนมาก แต่เมื่อคุณเริ่มพิจารณาในเมืองใดเมืองหนึ่ง เป็นการยากที่จะหาทั้งหัวหน้างานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม” และพนักงานด้านเทคนิค เขากล่าว

Dan Wang หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Hang Seng China กล่าวว่าการผลิตคิดเป็น 18% ของกำลังแรงงานของจีน และคนงานก่อสร้างอีก 11% อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่มีการศึกษาในระดับมัธยมต้นเท่านั้น ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะเปลี่ยนไปทำอุตสาหกรรมอื่น” เธอกล่าวเสริม

เธอคาดว่าจะมีคนว่างงานในพื้นที่ชนบทมากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งไม่นับตามสถิติอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการว่างงานในเมือง เธอระบุว่าเป็นผลมาจากการส่งออกที่ลดลงและการผลักดันระบบอัตโนมัติในจีน ในขณะที่ความต้องการคนงานก่อสร้างในภาคอสังหาริมทรัพย์ลดลง

การเติบโตด้านการบริโภคที่ขาดความดแจ่มใสยังจำกัดปริมาณภาคบริการที่สามารถรับแรงงานใหม่ได้ อย่างที่เคยเป็นมาก่อนเกิดโรคระบาด หวังกล่าว

“ดูเหมือนว่าทางออกที่ดีที่สุดยังคงอยู่ในการฝึกอบรมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล เมื่อเวลาผ่านไป คนงานเหล่านี้จำนวนมากขึ้นจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อหาเลี้ยงชีพอย่างแท้จริง”