10 รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ที่ต้องรู้
รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) เป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ช่วยวิเคราะห์สำหรับเทรดเดอร์ที่ซื้อขายทางเทคนิค การทำความเข้าใจจะช่วยให้เราวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและความเป็นไปได้ในการเคลื่อนที่ของราคา ฟอร์เร็กซ์ ทองคำ หรือ คริปโตเคอร์เรนซี่ มีรูปแบบแท่งเทียนหลายประเภทที่สามารถส่งสัญญาณถึงการเคลื่อนไหวของราคาเป็นขาขึ้น หรือ ขาลง บทความนี้จะกล่าวถึงรูปแบบแท่งเทียน ที่พบบ่อย และ 10 รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) ที่ เทรดเดอร์ทุกคนควรจะ ต้องรู้ และต้องทำความเข้าใช้เพื่อใช้สนับสนุนแนวคิดวิเคราะห์ทางเทคนิคในการทำการซื้อหรือขาย
รูปแบบแท่งเทียนคืออะไร ?
การวิเคราะห์แท่งเทียน คือ การวิเคราะห์แท่งเทียนแท่งเดียวในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ เช่น 1 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ซึ่งจะแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคา ฟอร์เร็กซ์ ทองคำ หรือ คริปโตเคอร์เรนซี่ ข้อมูลที่แสดงการเปิด จุดสูงสุด จุดต่ำสุด และ ราคาปิด สำหรับช่วงเวลานั้น ๆ
รูปแบบแท่งเทียนที่เกิดขึ้นจะช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิคในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต การอ่านรูปแบบแท่งเทียนเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรต้องเรียนรู้ และ ใช้การวิเคราะห์แท่งเทียนเพื่อช่วยในการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
รูปแบบแท่งเทียนที่บอกว่าเป็นขาขึ้น หรือ ขาลง
รูปแบบแท่งเทียนที่ใช้บ่อยที่สุดสำหรับกลยุทธ์การซื้อขาย รูปแบบแท่งเทียนเหล่านี้สามารถส่งผลต่อทิศทางของตลาด (แนวโน้มในอนาคต) ได้อย่างไร แท่งเทียนแต่ละรูปแบบสามารถบอกได้ว่า การเคลื่อนที่ของราคา ฟอร์เร็กซ์ ทองคำ หรือ คริปโตเคอร์เรนซี่ ว่าจะขึ้น หรือ จะร่วง ดัง ตารางด้านล่าง
Bullish Candlestick Patterns:แนวโน้มขาขึ้น
Bearish Candlestick Patterns:แนวโน้มขาลง
10 อันดับรูปแบบแท่งเทียนที่เทรดเดอร์ควรรู้
1 EVENING STAR AND MORNING STAR
รูปแบบแท่งเทียน EVENING STAR และ MORNING STAR มักจะเกิดขึ้นที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้น/แนวโน้มขาลง พูดง่าย ๆ คือเป็นแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงรูปแบบการกลับตัว
จากภาพด้านล่าง ทั้ง EVENING STAR และ MORNING STAR จะมีแท่งเทียน 3 แท่ง การวิเคราะห์จะทำได้ดังนี้ แท่งเทียนที่ 1 จะบอกว่าอยู่ในทิศทางหรือแนวโน้มทางไหน แท่งเทียนที่ 2 จะบอกว่าเป็น EVENING STAR (แนวโน้มขาขึ้นหมดแล้ว กำลังจะเป็นขาลง) หรือ MORNING STAR (แนวโน้มขาลงหมดแล้ว กำลังจะเป็นขาขึ้น) แท่งเทียนที่ 3 จะเป็นคอนเฟิร์มการกลับตัว โดยแท่งเทียนที่ 3 ควรจะต้องมีราคาปิด สูงกว่า หรือ ต่ำกว่า กึ่งกลางของแท่งเทียนที่ 2
2 BULLISH & BEARISH ENGULFING
รูปแบบแท่งเทียนจะบอกว่าเป็น bullish (แนวโน้มกลับตัวขึ้น) หรือ เป็น bearish (แนวโน้มกลับตัวลง) การอ่านค่าจะบอกถึงรูปแบบการกลับตัว
-
แท่งเทียน BULLISH ENGULFING (แนวโน้มกลับตัวขึ้น) ดูจากแท่งเทียนที่ 1 และ แท่งเทียนที่ 2 จากรูปแบบด้านล่าง แท่งเทียนที่ 2 ปิดเขียว และ กลืนกินแท่งเทียนที่ 1 จากแบบนี้จะคาดการณ์แนวโน้มว่าเปลี่ยนแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น
-
แท่งเทียน BEARISH ENGULFING (แนวโน้มกลับตัวลง) ดูจากแท่งเทียนที่ 1 และ แท่งเทียนที่ 2 จากรูปแบบด้านล่าง แท่งเทียนที่ 2 ปิดแดง และ กลืนกินแท่งเทียนที่ 1 จากแบบนี้จะคาดการณ์แนวโน้มว่าเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง
3 DOJI
รูปแบบแท่งเทียน Doji มักจะมีความเกี่ยวข้องกับความไม่มั่นใจในตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ ราคาจะไม่ไหน ราคาเปิดปิดใกล้ ๆ กัน อาจหมายถึงสัญญาณกลับตัวของแนวโน้มปัจจุบัน หรือ ไปในแนวโน้มเดิมก็ได้
รูปแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ที่แท่งเทียนด้านบนของแนวโน้มขาขึ้น หรือ แท่งเทียนด้านล่างของแนวโน้มขาลง ราคาเปิดปิดใกล้ ๆ กัน มีขนาดเล็กมากอยู่ตรงกลางระหว่างไส้เทียนบนและล่างที่ยาว
4 HAMMER
แท่งเทียน Hammer จะบอกการกลับตัวของทั้งขาขึ้นหรือขาลง
แท่งเทียน Hammer จะแสดงราคา เปิด สูง / ต่ำ และ ราคาปิด อยู่ไม่ไกลกับราคาเปิดปิด สังเกตไส้เทียนที่อยู่ใต้ตัวเทียนควรจะยาวมากว่าตัวเทียนสองเท่า ถึงจะคอนเฟิร์มได้ว่าเป็นรูปแบบ แท่งเทียน Hammer
5 BULLISH & BEARISH HARAMI
แท่งเทียน BULLISH & BEARISH HARAMI จะบ่งบอกถึงรูปแบบการกลับตัว
-
คำว่า “HARAMI” หมายถึง “ตั้งครรภ์” ในภาษาญี่ปุ่น รูปแบบแท่งเทียนนี้จะคล้ายคนท้อง
-
BULLISH HARAMI เป็นรูปแบบที่บอกว่าราคากำลังจะเปลี่ยนจากขาลงเป็นขาขึ้น ราคาแท่งเทียนก่อนหน้ามีการปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก แต่แท่งเทียนถัดมาราคาเริ่มฟื้นตัวแต่ยังไม่เกินราคาสูงสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
-
BEARISH HARAMI เป็นรูปแบบที่บอกว่าราคากำลังจะเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง ราคาแท่งเทียนก่อนหน้ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แต่แท่งเทียนถัดมาราคาเริ่มร่วงลงแต่ยังไม่เกินราคาต่ำสุดของแท่งเทียนก่อนหน้า
6 DARK CLOUD COVER
รูปแบบแท่งเทียน DARK CLOUD COVER เป็นรูปแบบการกลับตัวเป็นขาลง
รูปแบบแท่งเทียนนี้จะต้องเกิดขึ้นในช่วงขาขึ้น จากรูปแท่งเทียนก่อนหน้าเป็นขาขึ้น แต่ แท่งเทียนหลังเป็นขาลง การที่สามารถยืนยันได้ว่า แท่งเทียนหลังเป็นขาลง จะต้องมีเงื่อนไขดังนี้
1.ราคาเปิดแท่งเทียนที่ 2 ต้องสูง ราคาปิดของแท่งเทียนที่ 1
2.ราคาปิดแท่งเทียนที่ 2 ต้องปิดต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของแท่งเทียนที่ 1
รูปแบบ Dark Cloud Cover มีลักษณะคล้ายกับรูปแบบ Bearish Engulfing ความแตกต่างระหว่างทั้งสองเกี่ยวข้องกับแท่งเทียนอันที่สอง รูปแบบ Bearish Engulfing มีแท่งเทียนที่ 2 เปิดอยู่เหนือราคาปิดของแท่งแรก ในขณะที่ Dark Cloud Cover เปิดเหนือระดับสูงสุดของแท่งเทียนอันแรกและปิดต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของตัวแท่งเทียนแท่งแรก
7 PIERCING PATTERN
แท่งเทียน PIERCING PATTERN เป็นรูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น
แท่งเทียน PIERCING PATTERN เกิดขึ้นเมื่อแท่งเทียนที่ 2 ปิดเหนือระดับกลางของแท่งเทียนที่ 1 ในภาวะตลาดที่มีแนวโน้มลดลง
ราคาเปิดของแท่งเทียนที่ 2 ควรเป็นราค่าต่ำกว่าราคาต่ำสุดของแท่งเทียนที่ 1 และราคาปิดแท่งเทียนที่ 2 ควรอยู่เหนือจุดกึ่งกลางของแท่งเทียนที่ 1
8 INSIDE BARS
รูปแบบแท่งเทียน INSIDE BARS คือ แท่งเทียนที่ 2 เคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบ สูงสุด -ต่ำสุด ของแท่งเทียนที่ 1 โดยแท่งเทียนก่อนหน้าจะเรียกว่า “Mother Bar” แท่งเทียนที่ 2 ที่เป็น Inside Bar ซึ่งจะมีลักษณะที่เล็กกว่าแท่งเทียนก่อนหน้า โดยบีบตัวตรงเป็น Higher Low และ Lower High การที่ราคาบีบเป็น Higher Low และ Lower High มีลักษณะคล้ายการเคลื่อนตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยม หรือ Triangular Pattern ซึ่งบ่อยครั้ง รูปแบบแท่งเทียน INSIDE BARS มักเกิดพร้อมกับ รูปแบบสามเหลี่ยม หรือ Triangular Pattern
9 LONG WICKS
แท่งเทียน LONG WICKS มักจะบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม ไส้แท่งเทียนจะยาว มักเกิดขึ้นเมื่อราคาได้วิ่งทดสอบจุดสูงสุดหรือต่ำสุด แล้ว ราคาปิด ปรับตรงข้ามกับราคาเปิด ทำให้เกิดใส้ของแท่งเทียนยาว
10 SHOOTING STAR
แท่งเทียน SHOOTING STAR เป็นแท่งเทียนขาลงที่มีไส้เทียนยาวตรงท่อนบน ส่วนไส้เทียนด้านล่างน้อยหรือไม่มีเลย และแท่งเทียนราคาเปิดและราคาปิดอยู่ใกล้กัน และ อยู่ใกล้ระดับต่ำสุดของแท่งเทียน มักเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น และ อาจบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มเป็นขาลง