สนง.สลากฯ อัพเดต “สลากดิจิทัล” งวด 1 ส.ค. เหลือเพียง 3.6 หมื่นใบ จากจำนวนทั้งหมด 7.1 ล้านใบ ชี้ประชาชนซื้อสลากแล้วกว่า 1.15 ล้านราย ตั้งเป้าปี’65 ซื้อสลาก 80 บาท ได้กว่า 30 ล้านใบ
วันที่ 18 กรกฎาคม 2565 นายลวรณ แสงสนิท ประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ เปิดจำหน่ายสลากดิจิทัล งวดวันที่ 1 ส.ค. ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ตั้งแต่ 6 โมงเช้า ของวันที่ 17 ก.ค. 65 เป็นต้นไป ล่าสุด วันที่ 18 ก.ค. ณ เวลา 12.00 น. จำหน่ายสลากไปแล้วกว่า 7,130,772 ใบ และมีจำนวนผู้ซื้อสลาก 1,154,878 ราย จากจำนวนสลากที่จำหน่ายเพิ่มเป็น 7,167,500 ใบ จึงทำให้มีสลากเหลืออยู่ประมาณ 36,728 ใบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสลากมีเป้าหมายที่จะแก้ปัญหาสลากเกินราคา โดยตั้งเป้าภายในปี 2565 จะต้องเห็นสลากราคา 80 บาทจำหน่ายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านใบ โดยแบ่งเป็น 1.สลากดิจิทัล ที่จำหน่ายบนแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง 20 ล้านใบ โดยจะมีการทยอยเพิ่มจำนวนขึ้นตามความต้องการของตลาด งวดละ 1-2 ล้านใบ ไม่ได้เพิ่มครั้งเดียวเป็นปริมาณมาก เพื่อให้ผู้ค้าสลากระบบเดิมมีเวลาปรับตัวและสามารถวางแผนการจำหน่ายสลากได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญจะต้องรักษาความสมดุลระหว่างผู้ค้าในระบบเก่าและระบบดิจิทัลให้อยู่ร่วมกันได้
และ 2.โครงการสลาก 80 โดยตั้งเป้าหมายจะต้องมีจุดจำหน่ายทั่วประเทศทั้งหมด 4,000 จุด โดยจะส่งผลให้มีสลากแบบใบวางจำหน่ายกว่า 10 ล้านใบ เฟสแรกที่ตั้งเป้าหมายวางจำหน่าย 1,000 จุดทั่วประเทศ จะเริ่มจำหน่ายในเดือน ก.ค. 65 และในเฟสต่อไปจะเพิ่มอีก 2,000 จุด ในสถานีบริการน้ำมัน โดยจะไปหารือกับ ปตท. และบางจาก เพื่อวางจุดจำหน่ายในสถานบริการอีกครั้ง ส่วนอีก 1,000 จุด อยู่ระหว่างพิจารณาจุดในการจำหน่ายเพิ่มเติม
- “สลากดิจิทัล” เหลือ 1.18 ล้านใบ หลังวันเดียวแห่ซื้อทะลุ 5.9 ล้านใบ
- สลากดิจิทัลจ่อเพิ่มงวดหน้า 9 ล้านใบ ผู้ค้าลอตเตอรี่รายย่อยบุกทำเนียบ
อ่านข่าวต้นฉบับ: โค้งสุดท้าย สลากดิจิทัล งวด 1 ส.ค. เหลือ 3.6 หมื่นใบ
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link : ต้นฉบับเนื้อหาข่าวนี้