Global Securities (GBS) ประเมินหุ้นไทยเดือนแรกของปี 2567 ยังคงผันผวนจากแรงหนุนจากตลาดที่ลดน้ำหนักลง และคาดการณ์ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. ค. เหลือ 70% จากเดิม 76.9% และยังขาดปัจจัยใหม่ในประเทศ ดังนั้นช่วงดัชนีอยู่ที่ 1,390-1,440 จุด ชี้แนะกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท หุ้นที่จะได้รับประโยชน์คือผู้รับเหมา ได้แก่ CK STEC CIVIL UNIQ
นางสาววิลาสินี บุญมาสังข์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ รีเสิร์ช โกลบอล จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสแกว่งตัวไปด้านข้าง โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยดัชนี PPI ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ . ส่งผลให้ FedWatch Tool ระบุว่านักลงทุนให้น้ำหนักที่เหลือ 70% โดย FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มีนาคม จาก 79.5% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันในประเทศยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ ประกอบกับประเด็นเชิงลบจากการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการกระเป๋าเงินดิจิทัลออกไป ดังนั้นช่วงดัชนีจึงอยู่ที่ 1,390-1,440 จุด
การลดลงของ CPI และ PPI ของจีนสะท้อนให้เห็นว่าจีนยังคงเผชิญกับภาวะเงินฝืดในขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงอ่อนแอ แม้ว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาหลายมาตรการแล้ว และล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศจีนคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ซึ่งตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของตลาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีอยู่จากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรต่อเป้าหมายของกลุ่มฮูตีในเยเมน นี่เป็นการตอบสนองต่อการโจมตีเรือพาณิชย์ของกลุ่มกบฏฮูตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนส่งผลกระทบต่อการเดินเรือในทะเลแดง
สำหรับมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มผู้ลงทุนระหว่างวันที่ 1-12 มกราคม 2567 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,319.49 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6,325.87 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,346.79 ล้านบาท ลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 6,298.57 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เช่น วันที่ 15-19 ม.ค. หุ้นธนาคารส่งงบการเงินประจำปี 2566 และวันที่ 17 ม.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ประกาศดัชนีความเสี่ยง เชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมและปัจจัยต่างประเทศ วันนี้ (17 ม.ค.) จีนรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 ปี 2566 EU รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม รายงานยอดขายปลีกของสหรัฐอเมริกาในเดือนธันวาคม การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมกราคมในวันที่ 18 มกราคม จีนรายงานการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในเดือนธันวาคม ญี่ปุ่นรายงานคำสั่งซื้อเครื่องจักรในเดือนพฤศจิกายน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤศจิกายน EU รายงานดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือนพฤศจิกายน สหรัฐอเมริการายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตัวเลขการก่อสร้างบ้านเริ่มในเดือนธันวาคม ดัชนีการผลิตเดือนมกราคมและสต๊อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 19 มกราคม ญี่ปุ่นรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมกราคม และยอดขายบ้านมือสองในเดือนธันวาคม
จึงขอแนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากงบประมาณคณะรัฐมนตรีประจำปี 2568 มูลค่า 3.6 ล้านล้านบาท หุ้นที่ได้ประโยชน์คือผู้รับเหมา ได้แก่ CK STEC CIVIL UNIQ
สำหรับทิศทางการลงทุนทองคำ นายณัฐวุฒิ วงษ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลบอลเล็กซ์ ประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังต้องจับตาการประกาศตัวเลขขายปลีกสหรัฐฯ และเครื่องมือจับตาของ Fed หากตลาดเพิ่มโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะขึ้น จะเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าในช่วงสัปดาห์ราคาทองคำอาจอ่อนตัวลงเล็กน้อย คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวภายในกรอบดังกล่าว 2,000-2,050$/oz คำแนะนำสำหรับการเก็งกำไรภายในกรอบที่จัดไว้ให้
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link