spot_imgspot_img
spot_img
หน้าแรกTHAI STOCKเอสซีจีพีทุ่ม1.8หมื่นล.ลุยงานM&P

เอสซีจีพีทุ่ม1.8หมื่นล.ลุยงานM&P


บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เดินหน้าขยายการลงทุนปี 2566 ตั้งงบลงทุน (CAPEX) ประมาณ 18,000 ล้านบาท เน้นการควบรวมกิจการ (M&P) เสริมศักยภาพการแข่งขัน โดยเฉพาะในเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

บริษัทมองว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 การบริโภคภายในประเทศจะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภค ส่งผลดีต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเทศกาลส่งท้ายปี โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงบรรจุภัณฑ์อาหารแช่แข็งและกระป๋อง

อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกของอาเซียนยังคงเผชิญกับความท้าทายโดยเฉพาะการส่งออกไปยังจุดหมายปลายทางในยุโรปท่ามกลางนโยบายการเงินที่เข้มงวด ภาคอุตสาหกรรมยังคงฟื้นตัว และการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ซบเซา โดยเฉพาะสินค้าคงทนและไม่จำเป็น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้ายานยนต์ เป็นต้น

สำหรับปัจจัยด้านต้นทุนคาดว่าราคาพลังงานทั่วโลกจะลดลงอย่างต่อเนื่องก่อนฤดูหนาว ในขณะเดียวกันต้นทุนวัตถุดิบก็มีแนวโน้มทรงตัว

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจเอสซีจีพียังคงดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรด้วยการเสริมความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน (Chain Integration) และการผนึกกำลังของทุกธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ (Synergies) ผ่านการขายสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง (Cross-Selling) การซื้อวัตถุดิบจากส่วนกลาง (Pool-Sourcing) และการวางแผนการผลิต (Product Rationalization) ควบคู่กับการบริหารกระแสเงินสด. และงบลงทุน (CAPEX) ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ

นอกจากนี้ เอสซีจีพียังทุ่มเทอย่างต่อเนื่องในการขยายขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา และคิดค้นนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ด้วยหลักการ ESG เป็นรากฐานที่สำคัญของการดำเนินธุรกิจของเรา บริษัทมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำและสร้างความเป็นเลิศด้าน ESG ทั่วทั้งซัพพลายเชน รวมถึงความพยายามในการเพิ่มส่วนแบ่งของพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินงานที่ยั่งยืน

สำหรับครึ่งปีแรก SCGP มีรายได้จากการขายรวม 65,945 ล้านบาท ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 8% เมื่อเทียบกับครึ่งหลังของปีก่อน รายได้จากการขายลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากปริมาณและราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ในช่วงที่อุปสงค์บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนและตลาดส่งออกชะลอตัว ขณะที่รายได้จากการขายลดลงจากครึ่งหลังของปีก่อน มาจากราคาขายบรรจุภัณฑ์กระดาษและเยื่อกระดาษที่ลดลง

EBITDA อยู่ที่ 9,152 ล้านบาท ลดลง 12% yoy แต่เพิ่มขึ้น 1% yoy และ EBITDA margin 14% กำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 2,705 ล้านบาท ลดลง 23% yoy แต่เพิ่มขึ้น 18% yoy และอัตรากำไรสุทธิ 4% กำไรสำหรับงวดต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาขายที่ลดลง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กระดาษซึ่งเป็นรายได้เดียวกับยอดขาย

กำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้นจากครึ่งหลังของปีก่อน ต้นทุนหลัก เช่น วัตถุดิบ ค่าขนส่ง และพลังงานลดลง เอสซีจีพีให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนมาอย่างต่อเนื่อง ประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 32,216 ล้านบาท ลดลง 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มีกำไรสำหรับงวด 1,485 ล้านบาท ลดลง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิ 5%


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »