![เวียดนามมีแนวโน้มการเติบโตของ GDP ที่ 6% ในปี 2567 นำโดยเทคโนโลยีและ FDI](https://i-invdn-com.investing.com/news/Brazil-Stock-Market_3_800x533_L_1414427437.jpg)
![เวียดนามมีแนวโน้มการเติบโตของ GDP ที่ 6% ในปี 2567 นำโดยเทคโนโลยีและ FDI](https://i-invdn-com.investing.com/news/Brazil-Stock-Market_3_800x533_L_1414427437.jpg)
ฮานอย – เวียดนามตั้งเป้าหมายที่จะเติบโต 6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2567 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของ HSBC และความคาดหวังของสมัชชาแห่งชาติ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังประสบกับภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จำนวนมาก ซึ่งมีการจดทะเบียน 36.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการดำเนินการ 23.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อนหน้า
การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศได้รับแรงผลักดันจากภาคบริการที่แข็งแกร่งและฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งนี้มีบทบาทสำคัญในการประสานบทบาทของเวียดนามในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีระดับโลก
จีนกลายเป็นผู้ลงทุนอันดับต้นๆ ในภาคเทคโนโลยีของเวียดนาม แซงหน้าผู้นำแบบดั้งเดิมอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ การลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเวียดนามในฐานะศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยี
นอกจากนี้ การนำอัตราภาษีขั้นต่ำทั่วโลกของเวียดนามมาใช้ที่ 15% สำหรับบริษัทขนาดใหญ่นั้น คาดว่าจะช่วยหนุนแหล่งรายได้จากภาษีของประเทศ ความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับนานาชาติในวงกว้างเพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทข้ามชาติจะต้องจ่ายภาษีตามสัดส่วนที่ยุติธรรม
แม้ว่าการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจจะเป็นบวก แต่เวียดนามยังคงเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ความผันผวนทางการค้าและอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับปานกลางซึ่งอาจช่วยรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก
บทความนี้สร้างขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจาก AI และตรวจสอบโดยบรรณาธิการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้