![เยลเลนกล่าวว่าผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ 'พิสูจน์' การใช้จ่ายจำนวนมากในยุคโควิด](https://i-invdn-com.investing.com/trkd-images/LYNXMPEK0G0GJ_L.jpg)
![เยลเลนกล่าวว่าผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ 'พิสูจน์' การใช้จ่ายจำนวนมากในยุคโควิด](https://i-invdn-com.investing.com/trkd-images/LYNXMPEK0G0GJ_L.jpg)
© รอยเตอร์ รูปถ่าย: เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้การเป็นพยานต่อหน้าคณะกรรมการวิธีการและรายได้ของสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณางบประมาณสหรัฐฯ ปี 2023 ที่เสนอโดยประธานาธิบดีไบเดน บนแคปิตอลฮิลล์ในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา วันที่ 8 มิถุนายน 2565 REUTERS/Jonathan Ernst
วอชิงตัน (รอยเตอร์) – เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นหลักฐานว่าพระราชบัญญัติแผนช่วยเหลือชาวอเมริกันมูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นแนวทางที่ถูกต้องในปี 2021 เพื่อหลีกเลี่ยงการฟื้นตัวอย่างช้าๆ และเจ็บปวดจากโรคโควิด-19 การระบาดใหญ่.
เยลเลนกล่าวในคำปราศรัยต่อการประชุมนายกเทศมนตรีของสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันว่า สิ่งที่อันตรายที่สุดในสมัยนั้น “น้อยเกินไป” กับการใช้จ่ายเพื่อการฟื้นฟู
“หลายคนแย้งว่าแผนกู้ภัยนี้ไม่จำเป็น แต่ฉันเชื่อว่าการได้เห็นจุดที่เราอยู่ในปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นถึงแนวทางที่เราดำเนินการ” เยลเลนกล่าวในข้อความที่ตัดตอนมาจากคำพูดของเธอ “การเติบโตของ GDP นั้นแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้อก็ลดลงอย่างมาก มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่าก่อนเกิดโรคระบาดถึงสี่ล้านตำแหน่ง”
การว่างงานยังคงอยู่ต่ำกว่า 4% เป็นระยะเวลายาวนานที่สุดในรอบ 50 ปี และมีการแบ่งปันค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นในวงกว้าง รวมถึงคนงานอายุน้อยและมีการศึกษาน้อย เธอกล่าวเสริม
ในทางตรงกันข้าม การฟื้นตัวหลังวิกฤติการเงินปี 2551-2552 เป็นไปอย่างช้าๆ และเจ็บปวด โดยมีอัตราการว่างงานสูงขึ้น
“คนงานและครอบครัวต้องเผชิญกับการว่างงานและความยากลำบากทางเศรษฐกิจเป็นเวลานานเกินไป และมันสร้างรอยแผลเป็นให้กับคนงานชาวอเมริกันรุ่นต่อไป” เยลเลนกล่าว
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้