เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ ได้กล่าวในที่ประชุมร่วมกับคณะกรรมการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ธนาคารกลางสหรัฐสามารถลดอัตราเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ เนื่องจากตลาดแรงงานและภาคครัวเรือนในสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง ต้นทุนหนี้ต่ำ และ ภาคการธนาคารที่แข็งแกร่ง
ภาวะเงินเฟ้อเป็น “ปัญหาเศรษฐกิจอันดับ 1” ที่ประเทศและฝ่ายบริหารของ Biden กำลังเผชิญ
เยลเลนกล่าวว่าปัจจัยต่างๆ ที่เป็นต้นเหตุของเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากการสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เกิดจากการระบาดของโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง และ ตอนนี้ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกก็ประสบปัญหาเงินเฟ้อสูงเช่นกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% แต่ต่ำกว่าระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.0% แต่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525
ในขณะที่ข้อมูลในคืนวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงตึงตัว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อราคาผู้ผลิตเริ่มชะลอตัว โดยเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเมษายน เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมีนาคม