เกียท มั่นใจตลาดขนส่งวัตถุอันตรายยังสดใส ดันเป้ารายได้โต 21.4% ปีนี้
- เร่งพัฒนาธุรกิจที่กำลังเติบโตเพื่อกระตุ้นรายได้สู่เป้าหมาย
- บุกตลาดขนส่งทางรางเพิ่มช่องทางการขนส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน บูรณาการธุรกิจขนส่งอย่างไร้รอยต่อ
บมจ.เกียรติธนาขนส่ง หรือ KIAT ผู้นำการให้บริการขนส่งวัตถุอันตรายและสินค้าพิเศษที่เน้นความปลอดภัยสูง มั่นใจตลาดขนส่งวัตถุอันตรายยังเติบโตต่อเนื่อง ดันเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้อยู่ที่ 21.4% ขณะที่รายได้รวมในปีนี้ลดลง 10.6% จาก 926.3 ล้านบาทในปีที่แล้วเหลือ 827.9 ล้านบาทในปีนี้ เนื่องจากยอดขายเคมีภัณฑ์ลดลง
นางสาวมินตรา มนต์เสรีนุสรณ์ กรรมการผู้จัดการ KIAT เผยผลการดำเนินงานปี 2566 รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าปีที่แล้วรายได้จากการดำเนินงานหดตัว 10.6% เนื่องจากรายได้จากธุรกิจจำหน่ายเคมีภัณฑ์ลดลง ตามปริมาณการผลิตของลูกค้าลดลง
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ KIAT มั่นใจว่าภาคการขนส่งวัตถุอันตรายจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนในการย้ายฐานการผลิตของธุรกิจจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกที่มีโอกาสเติบโตในปีนี้ นอกจากนี้ความต้องการน้ำมันและก๊าซในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวทั้งในภาคขนส่งและภาคครัวเรือน นอกจากนี้ จะมีการประมูลขนส่งสารอันตรายครั้งใหม่ในปี 2567
“ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เรามั่นใจว่าเรามีศักยภาพที่จะเติบโตได้ดีในปีนี้ เนื่องจาก KIAT ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของลูกค้า เนื่องจากเรามีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจนี้มายาวนาน 30 ปี นอกจากนี้ ในตลาดการขนส่งสารอันตราย ยังมีผู้เล่นน้อยราย ทำให้การแข่งขันไม่รุนแรงนัก และธุรกิจขนส่งสารอันตราย ลูกค้าต้องการใช้คนที่มีประสบการณ์ ส่งผลให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ไม่ง่ายนัก” นางสาวมินตรา กล่าว
ด้านนายเมฆ มนเสรีนุสรณ์ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เกียท เปิดเผยว่า นอกเหนือจากการรักษาตลาดเดิมและการหาตลาดใหม่ในธุรกิจขนส่งวัตถุอันตรายแล้ว บริษัทยังได้กำหนดเป้าหมายในการพัฒนาธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตในด้าน เพื่อเพิ่มรายได้ ตามเป้าหมายปีนี้ที่ 21.4% รวมถึงเจาะธุรกิจ Freight Forwarding ผลักดันผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ และขยายการขนส่งทางราง นำโดย KT Train (KTT) ภายใต้การดูแลของ KIAT รุกตลาดการขนส่งทางราง พวกเขามองเห็นโอกาสในตลาดการขนส่งทางราง ถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ปัจจุบันภาครัฐกำลังเร่งก่อสร้างระบบรถไฟทางคู่ และ KIAT ก็สามารถผสมผสานธุรกิจขนส่งทางบกเข้ากับการขนส่งทางรางได้ นอกจากต้นทุนการขนส่งทางรางยังสามารถแข่งขันในตลาดได้ การคมนาคมก็แม่นยำเช่นกัน เนื่องจากมีตารางการขนส่งคงที่ มีความปลอดภัยสูง และลูกค้าธุรกิจยังสามารถใช้คำนวณคาร์บอนเครดิตได้อีกด้วย ซึ่งเป็นกระแสทั่วโลกในขณะนี้
“การขนส่งทางรางถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการทั้งในด้านต้นทุน ความปลอดภัย และยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐอีกด้วย เกียทมองเห็นโอกาสดังกล่าว และได้เดินหน้ามีแผนขยายการให้บริการขนส่งทางรางโดยมีสัญญาขนส่งเกลือบริสุทธิ์ โดยวิธีการขนส่งซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสารคลอร์อัลคาไล ให้กับ บริษัท เออีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายโซดาไฟ ,ผงพีวีซีและอีพิคลอโรไฮดรินชีวภาพสู่อุตสาหกรรม และตลาดเกิดใหม่ในหลายประเทศโดยใช้การขนส่งทางรางเป็นหลัก 60% และการขนส่งทางรถบรรทุก 40%” นายเมฆ กล่าว
ส่วนเทคโนโลยีตรวจจับพฤติกรรมผู้ขับขี่ (Guardian System) ซึ่งเป็นระบบตรวจจับพฤติกรรมผู้ขับขี่แบบเรียลไทม์ เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนและหลีกเลี่ยงการสูญเสียสินค้าและทรัพย์สินของลูกค้า ปีนี้ KIAT ได้กำหนดทิศทางการตลาดให้กับหน่วยงานที่ จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง เช่น ภาคพลังงาน เคมี และการขนส่งสาธารณะ เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยทางถนน
“Guardian System เราเป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย โดยปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้วที่เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการขนส่งที่มีความปลอดภัยสูง ปัจจุบันมีรถบรรทุกที่ติดตั้งระบบ Guardian System มากกว่า 2,000 คัน โดยมีผู้นำ บริษัทต่างๆ ที่ใช้ระบบ Guardian ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ PTTOR, Air Liquide, MK Restaurant เป็นต้น” นายเมฆ กล่าว
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link