บล.ไทยพาณิชย์ วิเคราะห์แนวโน้มดัชนี SET มีอัพไซด์ระยะสั้นจำกัดบริเวณ 1,610-1,620 จุด ระวังการอ่อนตัวจากแรงเทขายทำกำไรก่อนสหรัฐประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ ตลาดกังวลเฟดกลับมาขึ้นดอกเบี้ยแรงอีก ระบุต้องติดตามสถานการณ์ “จีน-ไต้หวัน” ใกล้ชิด ส่วนปัจจัยในประเทศจับตาประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
วันที่ 8 สิงหาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ (SCBS) วิเคราะห์แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ โดยคาดว่า ดัชนี SET ยังมี upside ระยะสั้นจำกัดบริเวณ 1,610-1,620 จุด และระวังการอ่อนตัว จากแรงขายทำกำไร เพื่อลดความเสี่ยงก่อนรายงานเงินเฟ้อสหรัฐในวันพุธนี้
รวมถึงตัวเลขจ้างงานสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นเกินคาด สร้างความกังวลต่อการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,594 และ 1,586 จุด หากต่ำกว่า จะเริ่มเป็นสัญญาณลบ
โดยประเด็นสำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค.ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด ขณะที่ตลาดกลับมากังวลเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.75% อีกครั้ง ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.นี้
ฟากจีนเกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังส่งออกเดือน ก.ค. โตถึง 18% ต่อปี (YoY) คลายความกังวลอุปสงค์โลกชะลอตัว
อย่างไรก็ดี ต้องติดตามสถานการณ์จีน-ไต้หวันที่อาจกระทบห่วงโซ่อุปทาน หลังจีนปิดน่านฟ้า-น่านน้ำเพื่อซ้อมรบ 4-7 ส.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนในประเทศ กระทรวงแรงงานเตรียมพิจารณาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 5-8% ภายใน ส.ค.นี้ คาดมีผลบังคับใช้ไม่เกินสิ้นปีนี้
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ค.อยู่ที่ 7.61%YOY ต่ำกว่าคาด ทำให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 10 ส.ค.นี้ มีโอกาสที่จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25%
สำหรับสัปดาห์นี้ (8-12 ส.ค.) ติดตามประเด็นต่างประเทศ ได้แก่ วันที่ 10 ส.ค. รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ค.ของสหรัฐ และจีน, วันที่ 11 ส.ค. รายงานดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน ก.ค.ของสหรัฐ และวันที่ 12 ส.ค. ติดตามการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ปี 2565 ของสหราชอาณาจักร (UK)
โดยกลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้ แม้ตลาดการเงินเริ่มผ่อนคลายขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ เงินเฟ้อพื้นฐาน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์เริ่มชะลอตัวลง ทำให้เป็นไปได้ว่าเฟดจะเปลี่ยนท่าทีต่อนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น แต่สัปดาห์นี้มองตลาดหุ้นไทยจะยังผันผวนขึ้นอยู่กับการเก็งกำไรงบไตรมาส 2 ปี 2565 รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ กนง. (10 ส.ค.) เพื่อดูการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย
กลยุทธ์ลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ จึงแนะนำ “Selective Buy” ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะและ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรฟื้นตัวดี
ทั้งนี้ ภายใต้ภาวะตลาดยังอยู่ในช่วงประกาศผลประกอบการของกลุ่ม real sector จึงเน้นเลือกกลุ่มลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ/หรือ มีโมเมนตัมกำไรดี ดังนี้
1) หุ้นได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวฟื้นตัว ซึ่งคาดผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2565 เติบโตดี ทั้ง YoY (เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน) และ Q๐Q (เทียบไตรมาสก่อนหน้า) เลือก ERW, MINT, CRC และ AOT
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น เลือก BBL, KBANK และ KTB
3) หุ้นพลังงานซึ่งคาดกำไรไตรมาส 2/2565 เติบโตดี และมองราคาน้ำมันปรับตัวลงมาในจุดที่น่าสนใจแล้ว เลือก PTT และ BCP
อย่างไรก็ดี ในช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
1) หุ้นที่ได้ผลลบจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ขาลง หลังปัญหาขาดแคลนอุปทานคลี่คลาย อาทิ กลุ่มปาล์ม (UVAN, UPOIC, VPO, CPI, LST) กลุ่มแป้ง (TMILL, TWPC)
2) หุ้นที่คาดมีโอกาสปรับลดประมาณการหลังประกาศงบไตรมาส 2/2565 อาทิ NRF, TU, TRUE
3) หุ้นกลุ่มเดินเรือเทกอง อาทิ PSL และ TTA ซึ่งคาดได้ Sentiment ลบจากการปรับตัวลงต่อเนื่องของดัชนี BDI โดยล่าสุด BDI Index ปรับลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 ราว 2.7%D๐D สู่ระดับ 1,560 จุด ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
- จับตา กนง. ขึ้นดอกเบี้ย ลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐ
- ค่าเงินบาทวันนี้ (8 ส.ค.) เปิดตลาดแข็งค่าที่ 35.50 บาท บทวิเคราะห์ล่าสุด
- ราคาทองวันนี้ (8 ส.ค. 65) คงที่ ทองรูปพรรณบาทละ 30,600 บาท
- ทองคำจะกลับขึ้นไปแตะ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อีกเมื่อไหร่ ?
อ่านข่าวต้นฉบับ: หุ้นไทยอัพไซด์ระยะสั้นจำกัด 1,610-1,620 จุด จับตาเงินเฟ้อสหรัฐ
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link : ต้นฉบับเนื้อหาข่าวนี้