การปลอกกระสุนเกิดขึ้นในเมือง Enerhodar ที่รัสเซียควบคุมใกล้กับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Zaporizhzhia ในคืนวันอาทิตย์ เจ้าหน้าที่ของรัสเซียและยูเครนกล่าว โดยแต่ละฝ่ายกล่าวโทษอีกฝ่ายที่ก่อเหตุโจมตีดังกล่าว
ดีมีโตร ออร์ลอฟ, นายกเทศมนตรีเมืองเอเนอร์โฮดาร์ของยูเครน กล่าวว่า การขุดเจาะเกิดขึ้นในเขตขนาดเล็กที่ 3 และ 5 ของเมือง ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ประมาณ 5.5 กิโลเมตร
การปลอกกระสุนทำให้รถยนต์ติดไฟและอาคารที่อยู่อาศัย “ได้รับผลกระทบโดยตรง” เขากล่าว
Yevhen Balytskyi หัวหน้าฝ่ายบริหารพลเรือนและทหารในเขต Zaporizhzia ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียกล่าวว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 รายจากการโจมตีอาคารที่อยู่อาศัย 3 ครั้ง
วลาดิมีร์ โรกอฟ สมาชิกสภาที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียในส่วนที่ถูกยึดครองของซาโปริซเซีย กล่าวหาว่าการโจมตีดังกล่าวเป็น “กลุ่มติดอาวุธเซเลนสกี”
การปลอกกระสุนเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่ทีมผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติที่มีหน่วยเฝ้าระวังนิวเคลียร์ของสหประชาชาติจะไปเยือนโรงงานเพื่อช่วยรับรองความปลอดภัยและความมั่นคงด้านนิวเคลียร์ที่ไซต์งาน
คำตอบของ Kyiv: Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน ประณามการโจมตีดังกล่าว
“ผู้ก่อการร้ายรัสเซียโจมตี Enerhodar พวกเขายั่วยุและพยายามแบล็กเมล์โลก พวกเขาหลอกล่อ Nikopol, Marganets และเลียนแบบ ‘การตอบสนอง’ ที่ Enerhodar แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนยิงก็ตาม” Yermak เขียนบน Telegram “แบล็กเมล์นิวเคลียร์ไม่ควรไม่ได้รับคำตอบ”
บริบทบางส่วน: เคียฟและมอสโกได้ตั้งข้อกล่าวหาซึ่งกันและกันเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงและการปฏิบัติการทางทหารที่และรอบๆ โรงไฟฟ้า Zaporizhzhia ซึ่งเป็นศูนย์นิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป แต่การขาดการเข้าถึงโรงงานโดยอิสระ ซึ่งถูกกองกำลังรัสเซียเข้ายึดครองตั้งแต่เดือนมีนาคม ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
ในช่วงเดือนที่ผ่านมา จรวดและกระสุนจำนวนหนึ่งได้ลงจอดบนอาณาเขตของโรงงาน ตามภาพถ่ายดาวเทียมที่วิเคราะห์โดย CNN CNN ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดการประท้วงอะไรขึ้น และใครเป็นผู้รับผิดชอบ
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้