หน้าแรกKNOWLEDGEสหภาพยุโรป (European Union (EU))

สหภาพยุโรป (European Union (EU))

สหภาพยุโรป (European Union (EU)) คืออะไร ?

สหภาพยุโรป (EU) เป็นกลุ่มการเมืองและเศรษฐกิจจาก 27 ประเทศในยุโรป สหภาพยุโรปส่งเสริมค่านิยมประชาธิปไตยและเป็นหนึ่งในกลุ่มการค้าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก นอกจากนี้มี 19 ประเทศที่ใช้เงินยูโรเป็นสกุลเงิน

สหภาพยุโรปเติบโตขึ้นจากความต้องการที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศในทวีปยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประชาคมเศรษฐกิจยุโรปเริ่มต้นครั้งแรกในปี 1957 และได้กลายเป็นสหภาพยุโรปในปี 1993 โดยการนำสนธิสัญญามาสทริชต์มาใช้ ทำให้การบูรณาการนโยบายต่างประเทศ ความมั่นคง และกิจการภายในของสมาชิกมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในปีเดียวกันสหภาพยุโรปได้จัดตั้งตลาดร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเคลื่อนย้ายสินค้าบริการ ผู้คน และ เงินทุน โดยเสรี

ประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป (EU) ประกอบด้วย 27 ประเทศ คือ ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร ไซปรัส เช็ก เอสโตเนีย ฮังการี ลัตเวีย ลิทัวเนีย  มอลตา โปแลนด์ สโลวีเนีย สโลวะเกีย โรมาเนีย และ บัลแกเรีย

 

 

สมาชิกในสหภาพยุโรป (EU) ประกอบด้วย 27 ประเทศ คือ ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร ไซปรัส เช็ก เอสโตเนีย ฮังการี ลัตเวีย ลิทัวเนีย  มอลตา โปแลนด์ สโลวีเนีย สโลวะเกีย โรมาเนีย และ บัลแกเรีย
สมาชิกในสหภาพยุโรป (EU) ประกอบด้วย 27 ประเทศ คือ ออสเตรีย เบลเยียม เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน สวีเดน สหราชอาณาจักร ไซปรัส เช็ก เอสโตเนีย ฮังการี ลัตเวีย ลิทัวเนีย  มอลตา โปแลนด์ สโลวีเนีย สโลวะเกีย โรมาเนีย และ บัลแกเรีย

 

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหภาพยุโรป  มีมูลค่ารวม 15.3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่า GDP ของสหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่า 21 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020 ตามตัวเลขของธนาคารโลก

 

ประเด็นที่สำคัญ

  • สหภาพยุโรป (European Union (EU)) เป็นกลุ่มการเมืองและเศรษฐกิจจาก 27 ประเทศที่ยึดมั่นในค่านิยมประชาธิปไตยร่วมกัน
  • เงินยูโรเป็นสกุลเงินที่ใช้ร่วมกันอย่างเป็นทางการของสมาชิกสหภาพยุโรป 19 ประเทศ ซึ่งเรียกรวมกันว่าเขตยูโร หรือ ยูโรโซน 
  • เมื่อปี 2016 มีการลงประชามติ ‘Brexit‘ สหราชอาณาจักรโหวตให้ออกจากสหภาพยุโรป และ สหราชอาณาจักรได้ออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการในปี 2020

 

ประวัติศาสตร์สหภาพยุโรป (EU)

สหภาพยุโรปเริ่มต้นจากการเป็นประชาคมถ่านหินและเหล็กกล้าของยุโรป ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1950 และ มีสมาชิกเพียง 6 ประเทศ ได้แก่ เบลเยียม ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ลักเซมเบิร์ก และ เนเธอร์แลนด์ ต่อมาได้กลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจยุโรปในปี 1957 ภายใต้สนธิสัญญากรุงโรมและต่อมาคือประชาคมยุโรป (EC)
ประชาคมยุโรป (EC) มุ่งเน้นไปที่นโยบายเกษตรกรรมร่วมกันและการขจัด อุปสรรค ด้านศุลกากร เดนมาร์ก ไอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร เข้าร่วมในปี 1973
ในปีพ.ศ. 1986 พระราชบัญญัติ Single European Act ได้เริ่มดำเนินการตามแผนระยะเวลาหกปีเพื่อสร้างตลาดยุโรปร่วมกันโดยการประสานกฎระเบียบระดับประเทศ
สนธิสัญญามาสทริชต์มีผลบังคับใช้ในปี 1993 โดยแทนที่ ประชาคมยุโรป (EC) ด้วย สหภาพยุโรป (EU) เงินยูโรถูกเปิดตัวเป็นสกุลเงินสำหรับสมาชิกสหภาพยุโรปที่เข้าร่วมเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1999

 

วิกฤตหนี้ยุโรป

สหภาพยุโรปและธนาคารกลางยุโรปพยายามที่จะจัดการกับหนี้สาธารณะที่สูง และ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในอิตาลี สเปน โปรตุเกส ไอร์แลนด์ และกรีซ อันเนื่องมาจากวิกฤตการเงินโลกในปี 2007-2008 กรีซและไอร์แลนด์ได้รับเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปในปี  2010 ต่อมาก็เป็นโปรตุเกสในปี 2011 พร้อมกับการช่วยเหลือกรีกครั้งที่สองในปี 2012

 

European Debt Crisis
European Debt Crisis

 

 

วิกฤตการณ์คลี่คลายหลังจากสหภาพยุโรปและธนาคารกลางยุโรปใช้มาตรการต่างๆ เพื่อแก้ใขหนี้ของสหภาพยุโรปและภาคการธนาคารของประเทศที่ได้รับผลกระทบ ได้จัดตั้งกลไกเสถียรภาพยุโรป (ESM) ในเดือนตุลาคม 2012 ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหภาพยุโรปที่ประสบปัญหาทางการเงินที่รุนแรงรวมถึงการไม่สามารถเข้าถึงตลาดตราสารหนี้ได้
ธนาคารกลาง ยุโรปได้ดำเนินการ “การดำเนินการรีไฟแนนซ์ระยะยาวที่กำหนดเป้าหมาย” ในปี 2014, 2016 และ 2019 เพื่อจัดหาเงินทุนตามเงื่อนไขที่ดีสำหรับสถาบันการเงินในสหภาพยุโรป
ในปี 2015 สหภาพยุโรปคลายบทบัญญัติของพระราชบัญญัติเสถียรภาพและการเติบโตปี 2011 ที่กำหนดให้รัฐสมาชิกกำหนดเป้าหมายหนี้สาธารณะที่ต่ำกว่า 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศและการขาดดุลงบประมาณประจำปีของรัฐบาลที่ต่ำกว่า 3% ของ GDP ในระยะปานกลาง ในปีเดียวกันนั้น หน่วยงานใหม่ของสหภาพยุโรป นั่นคือ Single Resolution Board ได้เข้ารับหน้าที่ในการแก้ไขความล้มเหลวของธนาคารในเขตยูโร
มีประเทศสมาชิกใหม่หลายประเทศของสหภาพยุโรปยังไม่ผ่านเกณฑ์การรับเงินยูโรเป็นสกุลเงินหลัก บางประเทศก็เลือกที่จะไม่ใช้เงินยูโรเป็นสกุลเงินหลักของประเทศ
บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »