หน้าแรกTHAI STOCKสถานการณ์ตลาดหุ้นไทย ปิดลบ 1.14 จุด พักการลงทุน ชะลอตัว รอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ – ผลการคัดเลือก

สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย ปิดลบ 1.14 จุด พักการลงทุน ชะลอตัว รอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ – ผลการคัดเลือก


SET ปิดวันนี้ที่ 1,413.52 จุด ลดลง 1.41 จุด (-0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 45,472.82 ล้านบาท นักวิเคราะห์ ตลาดหุ้นไทย บอกว่าวันนี้จะพักตัว ชะลอการลงทุนขณะรอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และการเลือกตั้งไต้หวัน ในขณะเดียวกันแรงขายจากธนาคารต่างๆ ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดนลบ หลังจากถูกนักลงทุนต่างชาติปรับลดอันดับลงแล้ว กลุ่มโรงไฟฟ้ายังมีกำลังซื้อที่แข็งแกร่งเพื่อได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นราคาไฟฟ้าใหม่ และกลุ่มการเงินที่คาดอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะเข้ามาช่วยสนับสนุน แนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าตลาดจะแกว่งไปด้านข้าง โดยมีแนวรองรับอยู่ที่ 1,407 จุด และแนวปะทะอยู่ที่ 1,418 จุด

SET ปิดวันนี้ที่ 1,413.52 จุด ลดลง 1.41 จุด (-0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 45,472.82 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นเป็นบวก ดัชนีทำจุดต่ำสุดที่ 1,410.21 จุด และทำจุดสูงสุดที่ 1,418.33 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 219 หลักทรัพย์ ลดลง 237 หลักทรัพย์ และคงเดิม 192 หลักทรัพย์

นายณัฐพล คำทาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยกำลังพักตัว เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขาย รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ และผลการเลือกตั้งไต้หวันวันเสาร์นี้ ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมผันผวนคล้ายกับตลาดหุ้นเอเชีย การเลือกตั้งในไต้หวันจะส่งผลกระทบต่อความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ

ตลาดหุ้นในประเทศของเราได้รับแรงกดดันจากการขายหุ้นในธนาคารที่ถูกปรับลดอันดับโดยโบรกเกอร์ต่างประเทศรายใหญ่ ทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ อย่างไรก็ตามยังคงมีกำลังรับซื้อไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าจากราคาไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 67 ขยับจาก 3.99 บาท/หน่วย เป็น 4.18 บาท/หน่วย และกลุ่มการเงินคาดอัตราดอกเบี้ยลดลง หลังจากที่รัฐบาลพยายามพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อชี้แจงสาเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อน

แนวโน้มพรุ่งนี้คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวไปด้านข้างรอติดตามปัจจัยต่างประเทศ และปัจจัยในประเทศ ทั้งความชัดเจนของมาตรการ Digital Wallet และการแก้ปัญหาภาระหนี้ทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจยังคงอยู่ในระดับสูง

โดยมีแนวรองรับอยู่ที่ 1,407 จุด และแนวปะทะอยู่ที่ 1,418 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

มูลค่าการซื้อขาย BBL 2,973.32 ล้านบาท ปิดที่ 150.00 บาท ลดลง 4.50 บาท

มูลค่าการซื้อขาย KBANK 2,781.85 ล้านบาท ปิดที่ 129.50 บาท ลดลง 3.00 บาท

BH มูลค่าการซื้อขาย 1,694.03 ล้านบาท ปิดที่ 235.00 บาท เพิ่มขึ้น 7.00 บาท

BDMS มูลค่าซื้อขาย 1,281.93 ล้านบาท ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

มูลค่าการซื้อขาย AOT 1,154.77 ล้านบาท ปิดที่ 63.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »