ตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนปิดบวกในวันศุกร์ (12 เมษายน) ใกล้ระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สิ่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของสต็อกเหมืองแร่และน้ำมัน หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งสูงขึ้นและเปิดเผยข้อมูลข้อมูลซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของอังกฤษมีแนวโน้มจะรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
ดัชนีหุ้นลอนดอน FTSE 100 ปิดที่ 7,995.58 จุด เพิ่มขึ้น 71.78 จุด หรือ +0.91%
ดัชนี FTSE 100 พุ่งทะลุระดับ 8,000 ในระหว่างวัน แต่ตลาดปิดต่ำกว่าระดับนั้น และอยู่ใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 8,014.31 ซึ่งเป็นจุดที่ทดสอบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2023
ตลาดได้รับการสนับสนุนหลังจากการเปิดเผยข้อมูลที่ระบุว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Reuters ในขณะที่ GDP เดือนมกราคมได้รับการแก้ไขเป็น 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ ขยายตัว 0.3%
ตลาดยังได้รับการสนับสนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมปีนี้
นอกจากนี้ ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ยังช่วยหนุนสต๊อกส่งออกอีกด้วย
หุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น หุ้นเหมืองแร่โลหะมีค่า หุ้นเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรม และหุ้นพลังงาน พุ่งขึ้น 3.1-4.6% หลังจากที่ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และราคาน้ำมันพุ่งมากกว่า 2% จากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
หุ้น BP เพิ่มขึ้น 3.7% หลังจากรอยเตอร์รายงานว่าบริษัทน้ำมันของรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์พิจารณาซื้อกิจการ BP
แต่หุ้นสายการบินกลับตก เนื่องจากความกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่สูงขึ้น โดยหุ้น Wiz Air ลดลง 8.2% หุ้น EasyJet ลดลง 4.3% และหุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของ British-Airways ลดลง 3.8%
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link