spot_imgspot_img
spot_img
หน้าแรกTHAI STOCK“ทรินิตี้” แนะกลยุทธ์ตั้งรับ กลัวปัจจัยในประเทศมากกว่าต่างประเทศ | RYT9

“ทรินิตี้” แนะกลยุทธ์ตั้งรับ กลัวปัจจัยในประเทศมากกว่าต่างประเทศ | RYT9


“ทรีนีตี้” มองปัจจัยในประเทศมีน้ำหนักการลงทุนหุ้นเดือน มี.ค. มากกว่าปัจจัยต่างประเทศ รวมถึงการปรับลด ประมาณการกำไรและประมาณการเศรษฐกิจชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง กนง. สิ้นเดือน แนวรับแรก 1580-1600 จุด แนวต้านแรก 1660 จุด เราแนะนำให้ลงทุนในธนาคารตามอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น หุ้นท่องเที่ยวและหุ้นในประเทศปรับฐานขึ้น หุ้นโยงเลือกตั้ง แนะจับตา ลุ้นยุบสภาเดือนนี้

นายณัฐชาติ มากมะสินธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในเดือนมีนาคม 2566 ว่าปัจจัยภายนอกไม่น่าเป็นห่วงเท่าปัจจัยภายใน ซึ่งหากมีแนวโน้มในทางลบมีโอกาสกดดันหรือจำกัด upside ของตลาดหุ้นไทยได้ ประเมินกรอบแนวรับแรกที่น่าสนใจของ SET Index ที่ 1580-1600 จุด ซึ่งเทียบเท่าดัชนีกรณีฐานอิง Forward PE 13.6 เท่า และประมาณการ EPS ปี 2567 ที่ 116 บาท ในทางกลับกัน ประเมินแนวต้านแรกของดัชนีที่ 1660 จุด และในกรณีที่ดีที่สุด ให้มองไปที่ 1690 ซึ่งเป็นระดับที่เราเคยแนะนำให้ขายทำกำไร วางกลยุทธ์แนะถือหุ้นครึ่งพอร์ตที่เหลือ โดยรอหาโอกาสซื้อใหม่ที่แนวรับที่ให้ไว้

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าจับตามองในเดือนนี้ ได้แก่ ข้อมูล PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของประเทศสำคัญๆ การประกาศครั้งล่าสุดของจีนสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อย่างมาก ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งมีสาเหตุจากการเปิดประเทศในช่วงต้นปี ในปีถัดมา รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันที่ 10 มีนาคม ซึ่งหากมีการเปิดเผยก็เพิ่มขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน เดิมอีก 5 แสนตำแหน่ง มองนักลงทุนกังวลเฟดมีแผนขึ้นดอกเบี้ยระยะหน้า แต่เรามองว่ายังมีโอกาสน้อย สำหรับการประชุม FOMC วันที่ 21-22 มี.ค. ประเมินว่าหากเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และขึ้นดอกเบี้ยกลางภาคในปีนี้เป็น 5.25-5.50% จะไม่ทำให้ตลาดแปลกใจแต่อย่างใด ในทำนองเดียวกัน หากเฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยพร้อมกันทั้งหมด 0.50% หรือตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสุดท้ายเป็น 5.50-5.75% หรือมากกว่านั้น จะถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจเชิงลบที่สำคัญ

นายณัฐชาติกล่าวว่าการอ่อนค่าของเงินบาทยังดูเหมือนหาจุดเปลี่ยนสำคัญในรอบนี้ไม่ได้ ล่าสุด ธปท. รายงานขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ม.ค. 2 พันล้านดอลลาร์ แย่กว่าที่ตลาดคาด แม้ว่ายอดบริการจะเกินดุลจากรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยดุลการค้าที่กลับมาขาดดุลได้อีก ถัดมามีปัจจัยพัฒนาการการเมืองไทย เช่น คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 มีนาคม และการประกาศยุบสภา .เอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.ย. ส่วนการประชุม กนง. วันที่ 29 มี.ค. ประเมินว่าขณะนี้ตลาดยังไม่ตื่นตัวเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมมากนัก ดังนั้นหากกนง.ตัดสินใจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ก็อาจเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นผ่านปรากฏการณ์ PE หดตัวได้

หุ้นที่น่าสนใจเดือนนี้ 1. หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ลงมาแรงจน Valuation เริ่มน่าสนใจ และอาจมีแรงเก็งกำไรจากปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. ในช่วงปลายเดือน ได้แก่ KBANK, SCB 2.กลุ่มท่องเที่ยวที่ยังเห็นโมเมนตัมต่อเนื่อง เช่น MINT, CENTEL, ERW, VRANDA, DUSIT 3. กลุ่มในประเทศที่ประมาณการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่ราคาไม่สะท้อน เช่น กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (AMATA, AP, AWC, CPN , SPALI) กลุ่มการแพทย์ (BH) และกลุ่มค้าปลีก (CRC, MAKRO, MEGA) และ 4. หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งอาจมีกระแสการเก็งกำไรหากมีการยุบสภาในเดือนนี้ เช่น SC, SIRI, PR9, STEC, STPI, PTG



     
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้

Source link
spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »