ดัชนีดาวโจนส์แคบลง นักลงทุนขาดคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เนื่องจากเข้าสู่ช่วง Blackout ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ในวันที่ 2-3 พ.ค. .
ณ เวลา 20:43 น. ตามเวลาไทย ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,814.34 จุด บวก 5.38 จุด หรือ 0.02%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี.
กฎระเบียบของเฟดห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่เฟดแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยจะเริ่มในวันเสาร์ที่สองก่อนที่ FOMC จะเริ่มต้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลัง FOMC
เครื่องมือ FedWatch ล่าสุดของ CME Group ระบุว่านักลงทุนมีน้ำหนัก 90% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นช่วง 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พฤษภาคม และเฟดเพียง 10% เท่านั้น จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.75-5.00%
สหรัฐประกาศการชะลอตัวของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) แต่ดัชนีเหล่านั้นยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด
รายงานการประชุมประจำเดือนมีนาคมของเฟดกล่าวว่า: เจ้าหน้าที่เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนั้น จากความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงสูง แม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดบางคนจะแสดงความวิตกว่าวิกฤตภาคธนาคารจะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ การสำรวจโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ผู้บริโภคคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะแตะ 4.6% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของเดือนที่แล้วที่ 3.6%
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) กำหนดเปิดตัว 28 เม.ย. 2-3 พ.ค.
ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระดับสูงสุดของเฟด สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคได้ และครอบคลุมช่วงราคาสินค้าและบริการที่กว้างกว่า CPI
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link