spot_imgspot_img
spot_img
หน้าแรกTHAI STOCKดาวโจนส์แคบลงก่อน "พาวเวลล์" หารือสภาคองเกรส | RYT9

ดาวโจนส์แคบลงก่อน “พาวเวลล์” หารือสภาคองเกรส | RYT9


ดัชนีดาวโจนส์แคบลง ก่อนที่นายเจอโรม เพาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะกล่าวสุนทรพจน์ครั้งที่สองต่อสภาคองเกรสในคืนนี้

ณ เวลา 21:44 น. ตามเวลาไทย ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,847.48 จุด ลดลง 8.98 จุด หรือ 0.03%

อย่างไรก็ตาม การซื้อขายวันนี้ได้รับแรงกดดัน จากข้อมูลของ Automatic Data Processing Inc. (ADP) การจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 242,000 คนในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 205,000 ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ตลาดจับตาการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า จำนวนงานเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้นเกินคาดเป็น 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.

นายพาวเวลล์มีกำหนดส่งถ้อยแถลงรอบครึ่งปีเกี่ยวกับนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจต่อคณะกรรมการบริการทางการเงินของสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ หลังจากปราศรัยต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารวุฒิสภาเมื่อวานนี้

นายพาวเวลล์กล่าวเมื่อวานนี้ว่าเฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่สูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง

“ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดแข็งแกร่งเกินคาด สิ่งนี้บ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายของเฟดจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรเร่งรัดนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เราจะเพิ่มความรวดเร็วในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย”

“แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงหลังจากถึงจุดสูงสุดในปีที่แล้ว แต่กระบวนการทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย 2% นั้นยังอีกยาวไกล และมันไม่ราบรื่น” นายพาวเวลล์กล่าว เขาเสริมว่า ภารกิจของเฟดในการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุด และเฟดจำเป็นต้องเข้มงวดนโยบายการเงินไปอีกระยะหนึ่ง

นักลงทุนคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนนี้ และเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเป็นระดับสูงสุดที่ 5.50-5.75% ในเดือนมิถุนายน และเฟดจะไม่ลดดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์เมื่อวานนี้

เครื่องมือ FedWatch ของ CME Group เพิ่งแสดงให้เห็นว่านักลงทุน 74.9% ชั่งน้ำหนักเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 0.50% สู่ช่วง 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มีนาคม และมีเพียง 25.1% ที่ให้น้ำหนักกับเฟด จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.25%

Steven Blitz หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ TS Lombard กล่าวว่าเฟดจะไม่ยุติวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

“เฟดจะไม่ออกจากวงจรนั้น จนกว่านายเจอโรม พาวเวลล์ จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย และจนกว่าอัตราการว่างงานจะสูงขึ้น ซึ่ง ณ จุดนี้ เฟดจึงจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย”

“เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยอย่างแน่นอน และเฟดจะคงแรงกดดันไว้จนกว่าอัตราการว่างงานจะแตะระดับ 4.5% เป็นอย่างน้อย และฉันคาดว่าอาจสูงถึง 5.5% ในขณะที่เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปจนถึง 6.5% ก่อนที่ทุกอย่างจะชะลอตัวลงและสงบลง” Blitz กล่าวกับ CNBC

BlackRock ซึ่งเป็นผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลกคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6% หลังจากประธานเฟดเจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงมากขึ้น เฟดคาดว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ “เราคิดว่ามีโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 6% และคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับนั้นสักระยะหนึ่งเพื่อให้เศรษฐกิจชะลอตัว และทำให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ 2%” Rick Ryder ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ BlackRock กล่าวในรายงาน “เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีเกินคาด เนื่องจากไม่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเหมือนในทศวรรษที่ผ่านมา และความยืดหยุ่นนั้นทำให้การแก้ปัญหาของเฟดซับซ้อนขึ้น” “เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็เหมือนโพลียูรีเทน ซึ่งเป็นสารที่มีความยืดหยุ่นสูงและสามารถปรับเปลี่ยนได้ แต่มีความทนทานและแข็งแรง” รายงานระบุ


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »