หน้าแรกTHAI STOCKดาวโจนส์ร้อนแรงพุ่งกว่า 400 จุด นักลงทุนเปิดใจรับความเสี่ยง | RYT9

ดาวโจนส์ร้อนแรงพุ่งกว่า 400 จุด นักลงทุนเปิดใจรับความเสี่ยง | RYT9


ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งกว่า 400 จุด เนื่องจากนักลงทุนส่งแรงซื้อเข้าตลาด หลังจากคลายความกังวลในการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน

เมื่อเวลา 00:54 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 38,404.59 จุด บวก 418.19 จุด หรือ 1.1%

นักลงทุนแห่กันขายสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเช่นหุ้น หลังจากที่เจ้าหน้าที่อิสราเอลระบุว่าการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลนั้นเป็นเชิงสัญลักษณ์มากกว่าที่ตั้งใจจะทำลายอิหร่าน ขณะที่เจ้าหน้าที่อิหร่านยืนยันว่าอิหร่านไม่มีแผนที่จะตอบโต้อิสราเอล

นักลงทุนจะได้ชมการประกาศผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งในสัปดาห์นี้ รวมถึง Tesla Inc., Intel Corp., Microsoft Corp., Apple Inc., Alphabet Inc. และ Meta Platforms, Inc.

ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เข้าสู่ช่วงงดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงิน (FOMC) ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 1 พฤษภาคม

กฎระเบียบของ Federal Reserve ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของ Fed แสดงความคิดเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยจะเริ่มในวันเสาร์ที่สองก่อนการประชุม FOMC และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตีความว่าเป็นข้อบ่งชี้ถึงการดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่กำลังจะมีขึ้น ถึง

เครื่องมือ FedWatch ล่าสุดของ CME Group ชี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.1% ให้ Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ก่อนปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนกันยายน

นักลงทุนเลื่อนการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้ไปเป็นเดือนกันยายน จากที่คาดไว้เดิมในเดือนมิถุนายน หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด แสดงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง

นักลงทุนจะจับตาดูการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

ดัชนี PCE เป็นตัววัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดต้องการ เพราะสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคและครอบคลุมราคาสินค้าและบริการได้กว้างกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นักวิเคราะห์คาดว่า Headline PCE Index ซึ่งรวมถึงหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมีนาคมปีต่อปีจาก 2.5% ในเดือนกุมภาพันธ์

ในแต่ละเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมีนาคม จาก 0.3% ในเดือนกุมภาพันธ์

ส่วนดัชนี Core PCE (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมีนาคมปีต่อปีจาก 2.8% ในเดือนกุมภาพันธ์

ในแต่ละเดือน คาดว่าดัชนี PCE หลักเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมีนาคม จาก 0.3% ในเดือนกุมภาพันธ์


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »