หน้าแรกTHAI STOCKดาวโจนส์ร่วงกว่า 300 จุด กังวลเฟดคงอัตราดอกเบี้ยสูงไปอีกนาน | RYT9

ดาวโจนส์ร่วงกว่า 300 จุด กังวลเฟดคงอัตราดอกเบี้ยสูงไปอีกนาน | RYT9


ดัชนีดาวโจนส์ปรับลงต่อเนื่อง ล่าสุดร่วงกว่า 300 จุด หลังประกาศดัชนีภาคการผลิตสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนธนาคารกลางสหรัฐเฟด) อาจจะอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่ตลาดคาดไว้

เมื่อเวลา 00:28 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 39,495.68 จุด ลบ 311.69 จุด หรือ 0.78%

สถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) ระบุว่า ดัชนีการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 50.3 ในเดือนมีนาคม จาก 47.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 48.1

ดัชนีเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ กำลังขยายตัว นี่เป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 17 เดือน

นอกจากนี้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ภายหลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะส่งผลต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐอเมริกา จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินใช้จ่ายน้อยลง ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายในการชำระสินเชื่อจำนองก็เพิ่มขึ้น และบริษัทจะต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุนและลดการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน

ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ให้ความเห็นของเขา หลังจากที่สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคารายจ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เมื่อวันศุกร์ กล่าวกันว่า แม้ว่าดัชนี PCE จะสอดคล้องกับการคาดการณ์ของ Fed แต่ Fed จะไม่รีบร้อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง และอัตราเงินเฟ้ออยู่เหนือเป้าหมายของเฟด “เราจำเป็นต้องเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อก่อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ย เพราะการตัดสินใจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเป็นสิ่งสำคัญมาก เราต้องใช้ความระมัดระวังในเรื่องนี้” พาวเวลล์กล่าว

ในขณะเดียวกันนักลงทุนก็ขายเพื่อทำกำไร หลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นในเดือนมีนาคม และไตรมาสที่ 1 ปี 2567

ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนมีนาคมและเพิ่มขึ้น 5.6% ในไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 3.1% ในเดือนดังกล่าว มีนาคมและเพิ่มขึ้น 10.2% ในไตรมาส 1/2567 ทำให้ไตรมาส 1 เติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2562 ในขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้นเกือบ 2% ในเดือนมีนาคมและเพิ่มสูงขึ้น 9.1% ในไตรมาส 1 /2567

นักลงทุนจะจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรซึ่งจะประกาศในวันศุกร์นี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ในเดือนมีนาคม ชะลอตัวลงจาก 275,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะทรงตัวที่ 3.9%


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »