ดัชนีดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด เนื่องจากนักลงทุนเทขายความเสี่ยง ก่อนที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงในวันนี้
นอกจากนี้นักลงทุนยังมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด สิ่งนี้บ่งบอกถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
เมื่อเวลา 21:33 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,536.63 จุด ลดลง 128.45 จุด หรือ 0.38%
การเรียกร้องสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นลดลง 13,000 เหลือ 198,000 ในสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงแรงงาน ระบุ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเก้าเดือนและต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 210,000 จุด
การขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นลดลงต่ำกว่า 210,000 รายเป็นสัปดาห์ที่ห้าติดต่อกัน
นักลงทุนจะรับชมคำปราศรัยของพาวเวลล์ที่ Economic Club of New York วันนี้เพื่อดูสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ สุนทรพจน์ดังกล่าวจะมีขึ้นในเวลา 12.00 น. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือคืนนี้ เวลา 23.00 น. ตามเวลาไทย ถือเป็นความเห็นสุดท้ายของนายพาวเวลล์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ Fed จะเริ่มเข้าสู่ช่วง Blackout Period ในวันเสาร์นี้ และก่อนที่เฟดจะจัดประชุมนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
กฎระเบียบของเฟดห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของเฟดแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะ หรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มในวันเสาร์ที่สองก่อนการประชุม FOMC และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC
Wall Street ได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นใกล้ 5% ในวันนี้ หลังจากทะลุ 4.9% เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550 ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีทะลุผ่านได้ 5%
นอกจากนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปียังมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด ก้าวสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2549
นักลงทุนใส่น้ำหนักเกือบ 100% ในการคาดการณ์ เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยให้คงที่ในการประชุมเดือนพฤศจิกายน และเพิ่มน้ำหนักให้กับความคาดหวังว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายของปีนี้ หลังจากที่สหรัฐฯ เผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
FedWatch Tool ล่าสุดของ CME Group ชี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.2% ให้ Fed คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในช่วงวันที่ 31 ต.ค.-พ.ย. ประชุม 1 ครั้ง
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.8% แก่เฟดเพื่อขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25 จุดเป็น 5.50-5.75% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 26.3% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link