spot_imgspot_img
spot_img
หน้าแรกTHAI STOCKดาวโจนส์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานทะลุ 200 | RYT9

ดาวโจนส์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานทะลุ 200 | RYT9


ดัชนีดาวโจนส์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นมากกว่า 200 คะแนน ทะลุระดับ 34,000 คะแนน เพื่อตอบสนองการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม และดัชนีภาคบริการที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)

เมื่อเวลา 23:15 น. ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,100.49 จุด บวก 261.41 จุด หรือ 0.77%

นักลงทุนให้น้ำหนักคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในการประชุมเดือนธ.ค. หลังเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานต่ำกว่าคาดในวันนี้

นอกจากนี้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม 2567 เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน 2567

เครื่องมือ FedWatch ล่าสุดของ CME Group ระบุว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 90.2% แก่ Fed เพื่อรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธันวาคม

ในขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนมกราคมและมีนาคม 2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5.00-5.25 % ในการประชุมเดือนพฤษภาคม หลังจากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 150,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปีหรือนับตั้งแต่มกราคม 2564 และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 188,000 ตำแหน่ง

อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 3.9% ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ 3.8%

สถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 51.8 ในเดือนตุลาคม จาก 53.6 ในเดือนกันยายน และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.0

ดัชนีได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการจ้างงาน แม้ว่าคำสั่งซื้อใหม่จะหยิบขึ้นมา

นอกจากนี้ Wall Street ยังได้รับการสนับสนุนจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลงต่ำกว่า 4.6% หลังจากเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันนี้

การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาตราสารหนี้ทั่วโลกนั้น ลดลง ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยจำนองของสหรัฐอเมริกา จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น และช่วยลดต้นทุนการชำระหนี้ให้กับบริษัทต่างๆ ทำให้บริษัทเหล่านี้สามารถเพิ่มการลงทุนได้ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุน


     

คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้


Source link

spot_imgspot_img
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Technical Summary Widget Powered by Investing.com

ANALYSIS TODAY

Translate »