Oleksiy Goncharenko สมาชิกรัฐสภายูเครน ได้ยินเสียงระเบิดอย่างน้อย 6 ครั้ง
เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากรัฐมนตรีจากทั้งยูเครนและรัสเซียลงนามในข้อตกลง ซึ่งเป็นนายหน้าโดยสหประชาชาติและตุรกีในอิสตันบูล เพื่ออนุญาตให้ส่งออกธัญพืชจากท่าเรือทะเลดำของยูเครนซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาวิกฤตอาหารโลกที่เกิดจากสงคราม
“นี่คือทั้งหมดที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ “ข้อตกลง” กับรัสเซีย การระเบิดในท่าเรือของ #Odesa หนึ่งวันหลังจากข้อตกลงกับ #Turkey และ #UN ได้ลงนามในการส่งออก #ธัญพืชของยูเครน อีกครั้ง ซึ่ง #Russia ได้กระทำไว้ เพื่อไม่ให้ปิดท่าเรือ” สมาชิกรัฐสภายูเครน โซโลมีอา โบรอฟสกา ทวีต
Brachuk ได้แนะนำให้ผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงในขณะที่การแจ้งเตือนทางอากาศยังคงดำเนินต่อไป
บริดเก็ต เอ. บริงค์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน เรียกการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียที่เมืองโอเดสซา เมืองท่าของยูเครนว่า “อุกอาจ” โดยกล่าวว่าเครมลินยังคง “สร้างอาวุธ” ให้กับอาหาร และต้องได้รับการพิจารณา
“นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับข้อตกลงกับรัสเซีย” Kaja Kallas นายกรัฐมนตรีเอสโตเนียกล่าวบน Twitter Josep Borrell ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศกล่าวว่ากลุ่มนี้ “ประณามอย่างยิ่ง” ต่อการโจมตีดังกล่าว
“การบรรลุเป้าหมายที่สำคัญสำหรับการส่งออกธัญพืชในหนึ่งวันหลังจากการลงนามในข้อตกลงอิสตันบูลนั้นเป็นสิ่งที่น่าตำหนิเป็นพิเศษ และแสดงให้เห็นอีกครั้งว่ารัสเซียเพิกเฉยต่อกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศโดยสิ้นเชิง” บอร์เรลล์เขียนบนทวิตเตอร์เมื่อวันเสาร์
จนถึงตอนนี้ รัสเซียได้ปิดกั้นการเข้าถึงท่าเรือเหล่านั้นทางทะเล หมายความว่าธัญพืชยูเครนหลายล้านตันยังไม่ได้ส่งออกไปยังหลายประเทศที่พึ่งพาธัญพืชดังกล่าว
“วันนี้ มีสัญญาณในทะเลดำ เป็นสัญญาณแห่งความหวัง สัญญาณแห่งความเป็นไปได้ สัญญาณแห่งความโล่งอก ในโลกที่ต้องการมันมากกว่าที่เคย” อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ พิธีลงนามซึ่งมีรัฐมนตรียูเครนและรัสเซียเข้าร่วม
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
ที่มาบทความนี้