ภาคประชาสังคมอาจจะตกใจกับตัวเลข ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือค่า Ft งวดที่ 3 (ก.ย-ธ.ค. 2565) ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คาดการณ์เบื้องต้นอาจจะต้องปรับระหว่าง 90-100 สตางค์/หน่วย ซึ่งถือเป็นการปรับค่า Ft ขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นงวดที่ 3
หลังจากที่ได้ปรับขึ้นไปในงวดที่ 1 (ม.ค.-เม.ย. 65) จัดเก็บที่ 1.39 สตางค์/หน่วย ต่อด้วยงวดที่ 2 (พ.ค.-ส.ค. 2565) จัดเก็บที่ 24.77 สตางค์/หน่วย โดยค่า Ft งวดใหม่ถือเป็น “อัตราจัดเก็บสูงสุด” นับจากปี 2558 ซึ่งเมื่อนำค่า Ft ไปรวมเป็นค่าไฟฟ้าฐานที่ประชาชนจะต้องจ่ายถึง 5 บาท/หน่วย
อย่างไรก็ตาม ค่าไฟฟ้าอัตราใหม่ที่จะต้องเพิ่มขึ้นถึง 5 บาท/หน่วยนั้น เป็นแค่การคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น เพราะเอกสารการรับฟังความคิดเห็น เรื่องค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) สำหรับงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 ที่ กกพ.จัดทำเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านทางเว็บไซต์ ระหว่างวันที่ 12-25 ก.ค. 2565 ปรากฏค่าไฟฟ้าที่ประชาชนจะต้องจ่ายจริง อาจจะต้องสูงถึง 6.12 บาท/หน่วย หรือสูงกว่าที่คาดการณ์เบื้องต้นไว้มาก
ขึ้นค่าไฟ 6.12 บาท ปลดหนี้ กฟผ.
อย่างไรก็ตาม ค่า Ft ที่คำนวณจากต้นทุนเชื้อเพลิงผันแปร กับค่า Ft ที่ กกพ.ประกาศเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าจริงนั้น “ยังมีส่วนต่างกันอยู่” จากข้อเท็จจริงที่ว่า รัฐบาลมีนโยบายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระค่า Ft ไว้ส่วนหนึ่ง ภายใต้หลักการที่ว่า จะต้องให้ประชาชนจ่ายค่า Ft น้อยที่สุด
โดยค่าเชื้อเพลิงส่วนที่เกินมานั้น ให้ กฟผ.รับภาระแทนไว้ก่อน ส่งผลให้ กฟผ.ต้องแบกรับภาระค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าไว้จนถึงปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 83,010 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่า หากให้ กฟผ.แบกรับภาระค่า Ft งวดที่ 3 (ก.ย.-ธ.ค. 2565) ที่ตัวเลข 236.97 สตางค์/หน่วย หรือ 2.36 บาท/หน่วย
ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าของประชาชนขยับขึ้นไปถึง 6.12 บาท/หน่วย ซึ่งภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของ กฟผ.อาจจะพุ่งทะลุเกินไปกว่า 100,000 ล้านบาท ในช่วงต้นปี 2566 แน่
จนเป็นที่มาว่า เพื่อให้ กฟผ.ได้รับเงินค่าเชื้อเพลิงที่รับภาระไว้ตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา ไม่ต่ำกว่า 83,010 ล้านบาท กลับคืนมา ทาง กกพ.จึงได้จัดทำเอกสารประชาพิจารณ์ให้ประชาชน “เลือกอนาคตค่าไฟฟ้า” ว่าอยากจะปรับขึ้นแบบใด
วิกฤตซ้อนทำค่าเชื้อเพลิงพุ่ง
ย้อนมาดูสาเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อ “ต้นทุน” การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในขณะนี้ เกิดจากวิกฤตซ้อนวิกฤต 4 ชั้น ได้แก่ 1) การเปลี่ยนมือผู้รับสัมปทาน PSC แหล่งก๊าซธรรมชาติ “เอราวัณ” ในอ่าวไทย จากบริษัทเชฟรอน มาเป็น ปตท.สผ. ประสบความล่าช้าและไม่ได้เป็นไปตามแผนถึง 2 ปี ส่งผลให้ ปตท.สผ.ผู้รับ PSC ใหม่ ส่งมอบก๊าซได้เพียง 300 ล้าน ลบ.ม.เท่านั้น จากที่ควรต้องได้ถึง 800 ล้าน ลบ.ม.
2) การนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือก๊าซ LNG จากต่างประเทศ จากปัจจุบันต้องซื้อก๊าซ LNG ในลักษณะของสัญญาจร (LNG spot) ซึ่ง “แพงมาก” กว่าการซื้อในสัญญาระยะยาว คาดการณ์ว่าราคา LNG ตอนปลายปี 2564 ต้นทุนราคาก๊าซในการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยจาก 222-235 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 235-315 บาท/ล้าน BTU
แต่ราคาเฉพาะส่วน spot พุ่งไปถึง 1,100-1,200 บาท/ล้าน BTU และมาถึงปัจจุบันราคา spot ยังทรงตัวสูงถึง 877-991 บาท/ล้าน BTU ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.เพิ่มขึ้นจากการคำนวณเดิม 30%
3) ประเทศไทยอาจจะต้องนำเข้าก๊าซ LNG เพิ่มขึ้น เพื่อใช้ทดแทนก๊าซธรรมชาติที่ปกติจะนำเข้าจากเมียนมา สัดส่วน 19% ผลจากการปิดซ่อมแหล่งก๊าซเมียนมาในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และ 4) ไทยประสบภาวะค่าเงินบาทอ่อนค่าจนทุบสถิติอ่อนค่าสุดในรอบ 7 ปี ที่ 36.50 บาท/เหรียญสหรัฐ
เปิด 3 สูตร Ft จัดเก็บใหม่
ดังนั้น กกพ.ได้นำเสนอ สูตรคำนวณค่า Ft ใหม่ 3 สูตร (ตามกราฟิกประกอบ) โดยสูตรคำนวณเหล่านี้ ได้แก่
1) ปรับค่าไฟ 5.17 บาท หรือปรับขึ้น 28% จากปัจจุบัน โดยคำนวณค่า Ft งวด 3 เท่ากับ 139.13 สตางค์/หน่วย เพิ่มขึ้น 114.36 สตางค์/หน่วย โดยทยอยเรียกเก็บเงินชดเชยคืนให้ กฟผ. 45.70 สตางค์/หน่วย ภายใน 1 ปี และ กฟผ.บริหารจัดการแทนประชาชน 56,581 ล้านบาท
2) ปรับค่าไฟ 4.92 บาท หรือปรับขึ้น 23% จากการปรับค่า Ft งวด 3 เรียกเก็บ 116.28 สตางค์/หน่วย เพิ่มขึ้น 114.36 สตางค์/หน่วย โดยทยอยเรียกเก็บเงินชดเชยคืนให้ กฟผ. 22.85 สตางค์/หน่วย ภายใน 1ปี กฟผ.บริหารจัดการแทนประชาชน 69,796 ล้านบาท และ 3) ปรับค่าไฟ 4.72 บาท หรือปรับขึ้น 17% จากปัจจุบัน ซึ่งวิธีการนี้ กฟผ.จะบริหารจัดการแทนประชาชน 83,010 ล้านบาท
ใช้ไฟ 100 หน่วย
ส่วนผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยแต่ละสูตร หากคำนวณตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าแต่ละบ้าน แน่นอนว่าครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าน้อยที่สุด 100 หน่วย จะได้รับผลกระทบจากปรับขึ้นค่าไฟฟ้าสูงที่สุด “ยกตัวอย่าง เคสที่เลวร้ายที่สุด หาก กกพ.สรุปใช้การขึ้นค่า Ft ที่ 139.23 สตางค์ เพิ่มขึ้น 114.36 สตางค์ จะมีอัตราค่าไฟเท่ากับ 5.17 บาท
จะกระทบครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้า 100 หน่วย ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้น 31% คิดเป็น 480.38 บาทต่อเดือน บ้านที่ใช้ไฟ 300 หน่วย/เดือน ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้น 28% คิดเป็น 1,576.14 บาท/เดือน ส่วนบ้านที่ใช้ไฟ 1,000 หน่วยต่อเดือน ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้น 20% คิดเป็น 5,625.25 บาทต่อเดือน เป็นต้น”
จนกลายมาเป็นคำถามที่ว่า รัฐบาลจะมีมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยที่ใช้ไฟฟ้าน้อย (100 หน่วย) อย่างไร จากปัจจุบันรัฐบาลกำหนดมาตรการช่วยส่วนลดค่าไฟฟ้าผันแปรให้ผู้เปราะบาง ทั้งบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ใช้ 300 หน่วยต่อเดือน เป็นเวลา 4 เดือน จะสิ้นสุดลงในเดือนสิงหาคมนี้
- ศึกอภิปราย “ค่าครองชีพ”
- ค่าไฟแพงข้ามปี คนไทยอ่วม ธุรกิจต้นทุนพุ่ง ปรับราคาสินค้ารอบใหม่
อ่านข่าวต้นฉบับ: กกพ.ชงสูตร Ft อุ้ม กฟผ. ครัวเรือนอ่วมขึ้นค่าไฟพรวด 6 บาท
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link : ต้นฉบับเนื้อหาข่าวนี้