ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าต่อเนื่อง หลังวิตกเฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศ ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 36.72/74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันที่ 11-15 กรกฎาคม 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (11/7) ที่ระดับ 35.90/92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/7) ที่ระดับ 36.02/04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ ท่ามกลางแรงกดดันจากสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากนี้นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยสำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8/7) กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 0.3% ในขณะที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยในวันศุกร์ที่แล้วว่า เขาสนับสนุนอย่างเต็มที่กับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนกรกฎาคมนี้
ส่วนนายจอห์นสัน วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์กไม่ได้ระบุว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% หรือ 0.75% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม แต่ยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ในขณะที่ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 4.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 กรกฎาคม และให้น้ำหนัก 95.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
อย่างไรก็ตามในช่วงต้นสัปดาห์ ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าลงมาเล็กน้อยในวันอังคาร (12/7) จากระดับ 36.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 36.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายนในวันพุธ (13/7)
อย่างไรก็ดีภายหลังการเปิดเผยตัวเลขดังกล่าว ดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวอ่อนค่าลงหลังจากนักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ที่สูงกว่าคาดในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ ทางกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าระดับ 8.6% ในเดือนพฤษภาคม และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.8% นอกจากนี้เฟดยังเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book ในวันพุธ (13/7) โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงกลางเดือนกรกฎาคม เนื่องจากการที่เฟดดำเนินนโยบายที่แข็งกร้าวเพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 20 ปีนั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
อย่างไรก็ดี ในวันศุกร์ (15/7) นักลงทุนรอติดตามตัวเลขรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนมิถุนายนของสหรัฐ ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนกรกฎาคมจากเฟดนิวยอร์ก ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนมิถุนายน การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายนและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนกรกฎาคมจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องเช่นเดียวกับเงินสกุลอื่น ๆ ในภูมิภาคเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการอ่อนค่าตามทิศทางของเงินยูโร ที่อ่อนค่าใกล้จุดต่ำสุดในปี 2002 จากเหตุผลที่ตลาดกังวลภาวะเศรษฐกิจของยุโรป ประกอบกับปัญหาวิกฤตพลังงานในยุโรป
ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่าจะไม่แทรกแซงค่าเงินบาท แต่จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด โดยระบุว่าปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าอยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นในภูมิภาค โดยจากข้อมูลล่าสุดตั้งแต่ต้นปีพบว่า เงินบาทอ่อนค่าลงประมาณ 7.6% และ ธปท.จะเข้ามาดูแลเมื่อมีความผวนผวนผิดปกติเท่านั้น ทั้งนี้ตลอดทั้งสัปดาห์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 35.84-36.73 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 36.72/74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร ค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (11/7) ที่ระดับ 1.0135/37 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/7) ที่ระดับ 1.0120/22 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ค่าเงินยูโรปรับตัวอ่อนค่าต่อเนื่องท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย โดยล่าสุดดอลลาร์แตะระดับ 1.00 เทียบยูโรท่ามกลางความกังวลว่ายูโรโซนจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากการที่รัฐเซียบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ยุโรปกำลังเผชิญวิกฤตพลังงาน ขณะที่บริษัท Nord Stream AG ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการท่อส่ง Nord Steam 1 ประกาศยืนยันว่า ทางบริษัทจะปิดท่อส่งดังกล่าว ซึ่งเป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมายังเยอรมนีผ่านทางทะเลบอลติก เพื่อทำการซ่อมบำรุงจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม อย่างไรก็ดี มีความวิตกกันว่ารัสเซียจะยังคงตัดการส่งก๊าซธรรมชาติไปยังยุโรป แม้ Nord Strecam 1 เสร็จสิ้นการซ่อมบำรุงในวันที่ 21 กรกฎาคม
ทางด้านธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะยิ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยูโรโซน
สำหรับปัจจัยอื่น ๆ ในภูมิภาค นายมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลีกล่าวว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่พรรค Five Star Movement ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการลงคะแนนไว้วางใจต่อนโยบายรัฐบาลที่มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงเช้านี้ (15/7) อย่างไรก็ดี นายแซร์โจ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลีได้ปฏิเสธคำขอลาออกของนายมาริโอ ดรากี เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดวิกฤตทางการเมืองซึ่งอาจส่งผลกระทบหนักต่อตลาดเงิน
ทั้งนี้โดยตลอดทั้งสัปดาห์ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 0.9952-1.0184 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0015/16 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ (11/7) ที่ระดับ 137.22/24 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/7) ที่ระดับ 135.91/93 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ โดยค่าเงินเยนอ่อนค่าหลังการเปิดเผยตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐ ซึ่งออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกับญี่ปุ่นทิ้งช่วงห่างมากขึ้น
ขณะที่สถานการณ์โควิดในประเทศญี่ปุ่นนั้นทางกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเปิดเผยในวันศุกร์ (15/7) ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จำนวน 97,788 ราย โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 90,000 ราย เป็นวันที่ 2 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกที่ 7 การแพร่ระบาดดังกล่าวส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมของญี่ปุ่นพุ่งทะลุ 10 ล้านราย ทั้งนี้ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 135.92-139.39 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 138.64/66 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
- ค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 36.65 บาทแล้ว หนักสุดในรอบ 16 ปี
- กสิกรไทยคาด ค่าเงินบาทสิ้นปีนี้ อยู่ที่ 35.00 บาท/ดอลลาร์
-
ย้อนรอย 25 ปี ลอยตัวค่าเงินบาท จาก วิกฤตต้มยำกุ้ง ถึง วิกฤตเงินเฟ้อ
อ่านข่าวต้นฉบับ: ดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง วิตกเฟดเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link : ต้นฉบับเนื้อหาข่าวนี้