
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า รับคาดการณ์ใหม่ เฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 1% หลังนักลงทุนให้น้ำหนัก 66.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. หลังกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่า และปิดตลาดที่ระดับ 36.60/62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพรายงานว่า สภาวะการเคลื่อนไหวตลาดปริวรรตเงินตราประจำวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2565 ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/7) ที่ระดับ 36.70/72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/7) ที่ระดับ 36.63/65 บาท
โดยค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในเชิงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์มีแรงเทขายทำกำไรในช่วงต้นสัปดาห์หลังจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 1% ในการประชุมเดือนนี้
โดย Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 33.2% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค. และให้น้ำหนัก 66.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งปรับลดลงมาจากก่อนหน้านี้ ที่ให้น้ำหนักมากถึง 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% และให้น้ำหนัก 20% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
นอกจากนี้ ตลาดพันธบัตรสหรัฐยังคงเกิดภาวะ inverted yield curve ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนือระดับ 3.18% และสูงกว่าอายุ 5 ปี 10 ปี ท่ามกลางความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอยจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สำหรับปัจจัยภายในประเทศนั้น ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงเน้นย้ำว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะปล่อยให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไปตามกลไกตลาด ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของภูมิภาค เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินบาทเป็นผลของปัจจัยภายนอก
ทั้งนี้ กนง.มองว่านโยบายการเงิน ต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การดูแลเงินเฟ้อ และการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินอย่างรอบด้าน โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ควรเริ่มในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 36.56-36.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 36.60/62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรเปิดตลาดเช้านี้ (19/7) ที่ระดับ 1.0133/35 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร อ่อนค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/7) ที่ระดับ 1.0150/52 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร หลังจากปรับตัวแข็งค่าในคืนที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนรับคาดการณ์เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ในการประชุมเดือนนี้
นอกจากนี้นักลงทุนจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรปในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50 อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างทางดอกเบี้ยระหว่างเฟดกับอีซีบียังคงปรับตัวกว้างขึ้น และกดดันค่าเงินยูโรต่อไป ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.0120-1.0259 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดที่ระดับ 1.0247/50 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดเช้าวันนี้ (19/7) ที่ระดับ 138.27/29 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ทรงตัวจากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ (18/7) ที่ระดับ 137.26/28 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะยังคงดำเนินนโยบายการเงินในเชิงผ่อนคลายต่อไปเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของประเทศญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ระหว่างวันค่าเงินเยนเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 137.59-138.40 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดที่ระดับ 137.62/64 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย และดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ก.ค. ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือน มิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
สำหรับอัตราป้องกันความเสี่ยง (swap point) ภาคเช้า 1 เดือนในประเทศอยู่ที่ -6.25/5.80 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ และอัตราป้องกันความเสี่ยง ภาคเช้า 1 เดือนต่างประเทศอยู่ที่ -6.60/-4.75 สตางค์/ดอลลาร์สหรัฐ
- กอบศักดิ์ เตือนรับมือตลาดผันผวน-ลงทุนยาก เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยแรงเป็น 1%
- ยั้งไม่อยู่ เงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง 9.1% นิวไฮรอบ 40 ปี ราคาก๊าซดัน ค่ากินอยู่แพงหมด
- กอบศักดิ์ อ่านสัญญาณประธานเฟด เตรียม “ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย”
อ่านข่าวต้นฉบับ: ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า รับคาดการณ์ใหม่ เฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ยแรง 1%
คำแนะนำการอ่านบทความนี้ : บางบทความในเว็บไซต์ ใช้ระบบแปลภาษาอัตโนมัติ คำศัพท์เฉพาะบางคำอาจจะทำให้ไม่เข้าใจ สามารถเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ หรือปรับเปลี่ยนภาษาในการใช้งานเว็บไซต์ได้ตามที่ถนัด บทความของเรารองรับการใช้งานได้หลากหลายภาษา หากใช้ระบบแปลภาษาที่เว็บไซต์ยังไม่เข้าใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยคลิกลิ้งค์ที่มาของบทความนี้ตามลิ้งค์ที่อยู่ด้านล่างนี้
Source link : ต้นฉบับเนื้อหาข่าวนี้